‘จุรินทร์’ ยันไม่มีการทารุณกรรมลิงแน่นอน พร้อมชี้แจงทุกประเด็น

จุรินทร์ เผย จ่อนัดตัวแทนจากประเทศในโซนยุโรป ร่วมกันดูการเก็บมะพร้าวในภาคอุตสาหกรรมของไทย ยันไม่มีการทารุณกรรมลิงแน่นอน…

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในประเด็นที่ห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ร่วมกันแบนกะทิกล่องและผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากมะพร้าวของประเทศไทย หลังจากองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม หรือ พีต้า กล่าวหาว่าประเทศไทยได้ผลผลิตมะพร้าวโดยการทารุณกรรมลิง

ระบุว่าเมื่อปี 2562 ประเทศมีผลผลิตจากมะพร้าวประมาณ 788,000 ตัน มีโรงงานแปรรูปทั้งหมด 15 โรงงาน เป็นกะทิ 113,000 ตัน คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้บริโภคภายในประเทศ ส่วนที่เหลือได้ทำการส่งออกไปต่างประเทศ การส่งออกจากผลิตภัณฑ์มะพร้าวมี 2 ชนิด คือ กะทิ กับมะพร้าวอ่อน แต่ที่เป็นประเด็นคือกะทิที่มียอดส่งออก ประมาณ 12,300 ล้านบาท ส่งออกไปยุโรป 18 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 2,250 ล้านบาท และส่งไปที่ประเทศอังกฤษอีก 8 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1 พันล้านบาท

ประเทศไทยเคยมีปัญหากับต่างชาติในเรื่องนี้มาแล้ว การใช้แรงงานลิงเก็บมะพร้าวเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน การใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นเรื่องของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และการท่องเที่ยว จึงมีภาพปรากฏออกมาตามโลกโซเชียล ส่วนภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไม่ได้ใช้ลิงเก็บมะพร้าว เพราะใช้คนและเครื่องมือในการเก็บมะพร้าวแทนลิง

เพื่อให้เกิดความกระจ่างในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ตนเองได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปมะพร้าว เข้ามาหารือกัน เพื่อชี้แจงกับประเทศที่นำเข้ากะทิ ที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเชิญทูตอังกฤษ และเชิญทูตโซนยุโรปที่ประจำอยู่ในประเทศไทย และตัวแทนประเทศที่ยังมีข้อสงสัย ให้ร่วมกันไปดูกระบวนการผลิตมะพร้าว และการเก็บมะพร้าวของภาคอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าประเทศไทยทารุณกรรมลิง ซึ่งการชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อต้องการที่จะคงตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทยในตลาดต่างๆ ในโลกเอาไว้

นายจุรินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะกระทบกับภาคการท่องเที่ยวของไทยหรือไม่ ซึ่งการใช้ลิงเก็บมะพร้าวก็เป็นวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ควรอนุรักษ์เอาไว้ ส่วนในภาคอุตสาหกรรม อะไรที่ต่างชาติสงสัย ประเทศไทยก็มีหน้าที่ชี้แจงกันต่อไป และยังไม่มีแผนที่จะตอบโต้กลับแต่อย่างใด.