ทั่วไป

เจ้าชายแฮร์รี หนุ่มเจ้าสำราญกับเส้นทางชีวิตที่ลิขิตเอง

Khaosod
อัพเดต 21 ม.ค. 2563 เวลา 06.21 น. • เผยแพร่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 06.21 น.

เจ้าชายแฮร์รี หนุ่มเจ้าสำราญกับเส้นทางชีวิตที่ลิขิตเอง – BBCไทย

เจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ทรงเติบโตขึ้นท่ามกลางการจับจ้องของสื่อมวลชน ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นราชนิกุลรุ่นเยาว์ผู้ต้องรับมือกับการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา เรื่อยมาจนถึงช่วงวัยรุ่นที่ทรงใช้ชีวิตสุขสำราญกับการปาร์ตี้ จวบจนช่วงที่ทรงเข้ารับราชการทหารในกองทัพ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นับตั้งแต่นั้น เจ้าชายแฮร์รี ทรงพระดำเนินตามรอยพระมารดาในการทรงงานด้านการกุศลทั่วโลก ก่อนที่จะทรงลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว และกลายเป็นพ่อคน

ตอนนี้ทั้งพระองค์และเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พระชายา กำลังจะเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในชีวิต หลังจากทรงสละพระยศ HRH (His/Her Royal Highness) ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูง รวมทั้งจะทรงยุติการรับเงินงบประมาณจากรัฐ เพื่อที่จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศแคนาดา ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์

ช่วงที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงพยายามสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตในฐานะบุคคลสาธารณะกับชีวิตส่วนพระองค์ หลายครั้งการที่ทรงมีชื่อเสียงในฐานะรัชทายาทลำดับที่ 6 ในราชบัลลังก์อังกฤษ ได้ช่วยส่งเสริมให้งานการกุศลที่พระองค์ทำได้รับการสนับสนุน แต่กระแสความสนใจที่มากเกินไปในบางครั้งก็ทำให้พระองค์ต้องทรงต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของครอบครัวของพระองค์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ชีวิตวัยเยาว์

เจ้าชายแฮร์รีประสูติ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ปี 1984

เจ้าชายแฮร์รีประสูติที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี ในย่านแพดดิงตันของกรุงลอนดอน เมื่อ 15 ก.ย. 1984 ทรงมีพระนามเต็มว่า “เฮนรี ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด” แต่มีการประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นให้ทรงเป็นที่รู้จักในพระนาม “แฮร์รี”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ชีวิตวัยเยาว์ของเจ้าชายแฮร์รีต้องสะดุดลงเมื่อเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาสิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหันในปี 1997 จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส หลังจากถูกบรรดาปาปารัสซีขับขี่รถจักรยานยนต์ตามไล่ล่าถ่ายภาพพระองค์

ทรงมีพระนามเต็มว่า “เฮนรี ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด” แต่มีการประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นให้ทรงเป็นที่รู้จักในพระนาม “แฮร์รี”
Diana, Princess of Wales, with Prince Harry and Prince William

การจากไปของพระองค์สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้ชื่นชอบราชวงศ์อังกฤษทั่วโลก แต่สำหรับเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 12 ปี และเจ้าชายวิลเลียมพระชันษา 15 ปี โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของทั้งสองพระองค์ไปตลอดกาล

ในพิธีพระศพเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งมีภาพของพระโอรสวัยเยาว์ทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินตามขบวนพระศพพระมารดาไปสู่สถานที่ประกอบพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ยังคงเป็นหนึ่งในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ของบีบีซีที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุด

เจ้าหญิงไดอานา สิ้นพระชนม์ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี มีพระชันษา 12 ปี

“ข้าพเจ้าสามารถพูดได้ว่าการสูญเสียแม่ไปตอนอายุ 12 ปี แล้วเก็บกดอารมณ์ทั้งหมดไว้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบอย่างมากไม่เพียงต่อชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้าแต่ยังรวมถึงงานของข้าพเจ้าด้วย” เจ้าชายแฮร์รีตรัสในการประทานสัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟในปี 2017

พระองค์ตรัสอีกว่า “ข้าพเจ้าน่าจะเคยเข้าใกล้ภาวะสติแตกอย่างสิ้นเชิงหลายครั้งเวลาที่มีความเศร้าโศก ความโกหก และความเข้าใจผิด และทุกสิ่งทุกอย่างได้ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง”

เจ้าชายแฮร์รีดำเนินเส้นทางการศึกษาตามรอยเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา โดยทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเวเธอร์บี ในย่านน็อตติงฮิลล์ในกรุงลอนดอน ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยอีตัน ในปี 1998

เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 5 ปี กับการเสด็จไปโรงเรียนเป็นวันแรก
เจ้าชายแฮร์รีดำเนินเส้นทางการศึกษาตามรอยเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา โดยทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเวเธอร์บี ในย่านน็อตติงฮิลล์ในกรุงลอนดอน ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยอีตัน ในปี 1998

หลังสำเร็จการศึกษาจากอีตันในปี 2003 เจ้าชายแฮร์รีทรงหยุดพักจากการศึกษาเป็นเวลา 1 ปี โดยทรงใช้เวลาในช่วงนี้ลิ้มรสชีวิตการทำงานที่ฟาร์มแกะในออสเตรเลีย และทรงงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยโรคเอสด์ที่ประเทศเลโซโท ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การก่อตั้งองค์กรการกุศลของพระองค์ที่นั่น

ชีวิตท่ามกลางแสงไฟ

Prince Charles with sons Harry and William prior to the beginning of their annual skiing holiday in Klosters

ชีวิตของเจ้าชายแฮร์รีได้รับความสนใจจากสื่อเสมอมา

เมื่อปี 2002 หนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิล์ด ซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวไปแล้วนั้น ได้ตีข่าวหน้าหนึ่งว่า “เรื่องยาเสพติดที่น่าอัปยศของแฮร์รี” พร้อมกล่าวอ้างว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงส่งตัวพระโอรสองค์เล็กเข้าคลินิคบำบัดแห่งหนึ่งเป็นการลงโทษที่ทรงสูบกัญชา

ในเวลาต่อมา สำนักงานพระราชวังเซนต์เจมส์แถลงยืนยันว่าเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 17 ปี “ทรงทดลองใช้ยาเสพติดในหลายโอกาส” แต่การใช้ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น “เป็นประจำ”

จากนั้นในเดือน ต.ค.ปี 2004 ก็เกิดกรณีที่พระองค์มีเหตุวิวาทกับช่างภาพคนหนึ่งที่ด้านนอกไนต์คลับ

โฆษกสำนักพระราชวังระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 20 ปี ถูกกล้องของช่างภาพกระแทกเข้าที่พระพักตร์ “ตอนที่กลุ่มช่างภาพกำลังรุมล้อมพระองค์”

เมื่อเจ้าชายแฮร์รีพยายามผลักกล้องให้พ้นพระองค์ “เข้าใจว่านั่นได้ทำให้ช่างภาพคนหนึ่งปากแตก” โฆษกระบุ

เจ้าชายแฮร์รีทรงหยุดพักจากการศึกษาเป็นเวลา 1 ปี โดยทรงใช้เวลาในช่วงนี้ทรงงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยโรคเอสด์ที่ประเทศเลโซโท

ในปีถัดมามีการเผยแพร่ภาพเจ้าชายแฮร์รีทรงฉลองพระองค์แฟนซีเป็นทหารกองทัพนาซีออกงานเลี้ยงซึ่งได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความรู้สึกไม่พอใจให้คนหลายฝ่าย

ในเวลาต่อมา คลาเรนซ์ เฮาส์ สำนักงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ระบุว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงขออภัยต่อ “ความไม่พอใจและความอับอาย” ที่เกิดขึ้น และทรงยอมรับว่า “มันเป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม”

ในปี 2009 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมขณะตรัสถึงทหารเชื้อสายเอเชียที่อยู่สังกัดเดียวกับพระองค์

สำนักงานพระราชวังเซนต์เจมส์ แถลงว่า เจ้าชายแฮร์รี “ทรงเสียพระทัยอย่างยิ่งสำหรับถ้อยคำที่อาจสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองของพระองค์” แต่ทรงชี้ว่า “การใช้ถ้อยคำดังกล่าวของพระองค์ไม่ได้มีความมุ่งร้าย และเป็นเพียงชื่อเล่นที่ใช้เรียกสมาชิกผู้เป็นที่ชื่นชอบอย่างยิ่งในกองทหารที่พระองค์สังกัดอยู่”

ทูตโอลิมปิก

เจ้าชายแฮร์รี ทรงเรียกรอยยิ้มจากสื่อมวลชนและผู้ชมทั่วโลกจากการทำหน้าที่ทูตโอลิมปิกในมหกรรมโอลิมปิกกรุงลอนดอนเมื่อปี 2012

เจ้าชายแฮร์รี ทรงทำหน้าที่ทูตโอลิมปิกในมหกรรมโอลิมปิกกรุงลอนดอนเมื่อปี 2012

ในปีเดียวกัน ทรงปรากฏพระองค์ในสื่ออย่างต่อเนื่องในวาระฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง เมื่อปี 2012 ซึ่งในปีนี้เอง เจ้าชายแฮร์รีทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเยือนต่างประเทศตามลำพังเป็นครั้งแรก โดยเสด็จเยือนประเทศในทวีปอเมริกา คือ เบลีซ บาฮามาส บราซิล และจาไมกา

อย่างไรก็ตาม ในเดือน ส.ค.ปีนั้น ได้ปรากฏภาพถ่ายที่เผยให้เห็นเจ้าชายแฮร์รีกับกับหญิงสาวเปลือยคนหนึ่งในห้องพักโรงแรมในนครลาสเวกัส

ภาพถ่าย 2 ภาพที่เผยแพร่ในเว็บไซต์บันเทิง TMZ ของสหรัฐฯ และในเวลาต่อมาได้ถูกตีพิมพ์ใน เดอะซัน หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ ถูกถ่ายขึ้นในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีทรงหยุดพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์กับพระสหาย โดย TMZ รายงานว่าขณะนั้นเจ้าชายและคณะกำลังเล่น “ไพ่เปลื้องผ้า”

ในเวลาต่อมา เจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่าพระองค์ “อาจทำเรื่องไม่เหมาะสม” แต่ทรงชี้ว่า “ข้าพเจ้าอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวและควรได้รับความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง”

อย่างไรก็ตาม การที่ทรงมีฐานะเป็นพระอนุชาของว่าที่กษัตริย์อังกฤษในอนาคตนั้น และเป็นเพียง “ตัวสำรอง” ในการสืบราชบัลลังก์ ก็ส่งผลให้เจ้าชายแฮร์รีทรงมีความรับผิดชอบค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีอิสระมากกว่าในการดำเนินชีวิตและการทรงงาน เช่น การปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติในสมรภูมิอัฟกานิสถานของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียม ในฐานะว่าที่กษัตริย์อังกฤษมิอาจทำได้

งานกองทัพและการกุศล

เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache ระหว่างเดือน ก.ย.2012 ถึงเดือน ม.ค. 2013 ก่อนที่จะทรงได้เป็นผู้บังคับฝูงบิน Apache ในเดือน ก.ค. 2013

เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้เวลา 10 ปี ในกองทัพ และทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์พระองค์แรกในรอบกว่า 25 ปีที่ปฏิบัติภารกิจในสงคราม

พระองค์ทรงต้องผิดหวังในปี 2007 หลังจากผู้บัญชาการกองทัพบกตัดสินใจไม่ส่งพระองค์ไปอิรัก เนื่องจาก “มีความเสี่ยงมากเกินไป” ทว่าในปีต่อมาทรงถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานเป็นเวลา 10 สัปดาห์

ทรงกลับสู่มาตุภูมิในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache ระหว่างเดือน ก.ย.2012 ถึงเดือน ม.ค. 2013 ก่อนที่จะทรงได้เป็นผู้บังคับฝูงบิน Apache ในเดือน ก.ค. 2013

เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยว่าการลาออกจากกองทัพเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก

ตอนที่ทรงประกาศลาออกจากกองทัพในปี 2015 เจ้าชายแฮร์รีได้ตรัสว่า ช่วงเวลาในกองทัพ “จะอยู่กับข้าพเจ้าไปตลอดชีวิต”

ประสบการณ์ดังกล่าวยังส่งผลถึงงานการกุศลของพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิต และการช่วยเหลือทหารผ่านศึก

งานการกุศลที่สำคัญของเจ้าชายแฮร์รีคือ การก่อตั้งและเป็นประธานการแข่งขันกีฬา “อินวิคตัส เกมส์” ในปี 2014 ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาสำหรับทหารผ่านศึกผู้พิการที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอน, เมืองออร์แลนโด ในรัฐฟลอริดา, นครโทรอนโต ในแคนาดา และนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย

นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุน Walking With the Wounded องค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือทหารผ่านศึกด้วย

เจ้าชายแฮร์รี ทรงก่อตั้งและเป็นประธานการแข่งขันกีฬา “อินวิคตัส เกมส์”

งานการกุศลอื่น ๆ ของเจ้าชายแฮร์รียังรวมถึง โครงการอนุรักษ์ต่าง ๆ ในแอฟริกา และทรงเป็นผู้ร่วมก่อนตั้งมูลนิธิ Sentebale ที่ช่วยเด็กกำพร้าในเลโซโท

On his visit to Angola in September, Harry said landmines are “an unhealed scar of war”

นอกจากนี้ยังทรงสานต่องานการกุศลของพระมารดาเช่น การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อเอชไอวีและเอดส์ รวมทั้งทรงสนับสนุนงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดขององค์กร Halo Trust

แก้ตราบาปเรื่องปัญหาสุขภาพจิต

เจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงร่วมกันก่อตั้งองค์กร Heads Together ที่มีจุดประสงค์ในการแก้ไขตราบาปที่สังคมมีต่อประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิต

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้ารับการบำบัดเพื่อรับมือกับการสูญเสียพระมารดา

พระองค์ทรงรับหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมเมื่อเดือน เม.ย 2011 และนับตั้งแต่นั้นได้ตรัสอย่างเปิดเผยถึงความยากลำบากที่ไม่มีพระมารดาอยู่ด้วยในตอนนั้น

เจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายวิลเลียม และแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงมุ่งเน้นการทรงงานการกุศลในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพจิต โดยทรงร่วมกันก่อตั้งองค์กร Heads Together ที่มีจุดประสงค์ในการแก้ไขตราบาปที่สังคมมีต่อประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพจิต และระดมทุนเพื่อให้บริการใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหานี้

สละชีวิตหนุ่มโสด

เจ้าชายแฮร์รี ทรงควง น.ส.เมแกน มาร์เคิล คู่รักชาวอเมริกัน ออกงานเป็นทางการครั้งแรกในการแข่งขันกีฬา “อินวิคตัส เกมส์” ที่นครโทรอนโตของแคนาดา ในปี 2017

ในฐานะหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมที่สุดในโลก เรื่องราวชีวิตรักของเจ้าชายแฮร์รีจึงได้รับความสนใจจากสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ช่วงปลายปี 2016 เจ้าชายแฮร์รีทรงยืนยันว่ากำลังคบหาอยู่กับ น.ส.เมแกน มาร์เคิล นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน ขณะเดียวกันได้ทรงออกแถลงการณ์ตำหนิสื่อมวลชนที่ “ข่มเหงรังแกและคุกคาม” น.ส.มาร์เคิล ทั้งยังแสดงความคิดเห็นเชิงเหยียดสีผิว ในบทความต่าง ๆ และพยายามบุกรุกบ้านพักของเธอ

ทั้งคู่ได้รู้จักกันผ่านการนัดบอดที่พระสหายจัดให้ โดยหลังจากออกเดทไปได้เพียง 2 ครั้ง ทั้งคู่ก็เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศบอตสวานาด้วยกัน

ในเดือน พ.ย.ปี 2017 เจ้าชายแฮร์รีทรงประกาศว่าได้ทรงหมั้นและเตรียมจะเสกสมรสกับ น.ส.มาร์เคิล ทรงเผยว่าการได้มาพบและตกหลุมรัก น.ส.มาร์เคิล อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อนั้น เป็นเหมือนโชคชะตาที่ “ดวงดาวช่างเป็นใจ” ให้ได้มาเป็นคู่ครองกัน

เจ้าชายแฮร์รี ทรงออกแบบพระธำมรงค์หมั้นเพื่อใช้ขอพระคู่หมั้นแต่งงานด้วยพระองค์เอง โดยเป็นพระธำมรงค์ทองคำ ประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่จากประเทศบอตสวานา ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของทั้งคู่ นอกจากนี้ ยังทรงนำเพชรอีก 2 เม็ดของเจ้าหญิงไดอานา มาประดับรวมไว้ในแหวนวงนี้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าพระมารดาจะอยู่กับทั้งสองตลอดการใช้ชีวิตคู่ ที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเปรียบว่าเป็นเสมือนกับการเดินทางที่ไม่ธรรมดา

The Duke and Duchess of Sussex on their wedding day

ทั้งสองเข้าพิธีเสกสมรสกันที่โบสถ์เซนต์จอร์จในพระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อเดือน พ.ค. 2018 และได้รับการสถาปนาให้เป็นดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

จากนั้นในเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน ทั้งคู่ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติพระกรณียกิจในออสเตรเลียได้ประกาศข่าวดีว่าดัชเชสแห่งซัสเซกซ์กำลังทรงครรภ์ ซึ่งพระโอรส “อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์แบตเทน-วินด์เซอร์” ได้ประสูติเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2019

Prince Harry and Meghan

ชีวิตบทใหม่

2019 ถือเป็นปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายกับเจ้าชายแฮร์รีและพระชายา

ในเดือน มี.ค. ทั้งคู่ได้ประกาศแยกราชสำนักจากดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

จากนั้นในเดือน เม.ย. ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเปิดบัญชีอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการ และมีผู้กดติดตามกว่า 1 ล้านรายภายในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง 45 วินาที

ในเดือน มิ.ย.ทรงประกาศแยกจากองค์กรการกุศลที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ร่วมกับดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งจุดกระแสข่าวความบาดหมางกันระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียม

กระแสข่าวดังกล่าวถูกตอกย้ำอีกครั้งหลังจากเจ้าชายแฮร์รี ทรงเปิดใจใน Harry & Meghan: An African Journey สารคดีที่ออกอากาศทางช่องไอทีวี ซึ่งติดตามการปฏิบัติพระกรณียกิจเยือนแอฟริกาใต้ของพระองค์และพระชายา เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่าพระองค์กับพระเชษฐา ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเดิมแล้ว เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า ทั้งสองทรงมี “เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันในตอนนี้”

ขณะที่เมแกน พระชายา ทรงเผยว่า การปรับตัวเข้ากับชีวิตในราชสำนักเป็น “เรื่องยาก” เพราะพระองค์ไม่ได้เตรียมรับมือการถูกขุดคุ้ยอย่างหนักจากบรรดาสื่อแท็บลอยด์

The Duke and Duchess of Sussex in South Africa

ก่อนหน้านั้นไม่นาน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงเปิดศึกกับสื่อหัวสีของอังกฤษ โดยดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหนังสือพิมพ์เมลออนซันเดย์ ฐานเผยแพร่จดหมายส่วนพระองค์ที่ส่งถึงนายโธมัส มาร์เคิล บิดา โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อจากนี้ไป แม้ว่าดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ จะสละฐานันดรศักดิ์ที่แสดงถึงความเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูง และจะไม่เป็นผู้แทนพระองค์ของควีนออกปฏิบัติพระกรณียกิจที่เป็นทางการอีก แต่ก็เชื่อได้ว่าทั้งสองพระองค์จะเดินหน้าทรงงานการกุศลส่วนพระองค์ต่อไป

ส่วนเรื่องที่เหลืออื่น ๆ เกี่ยวกับอนาคตของคู่ขวัญราชวงศ์อังกฤษคู่นี้ เช่นว่า ทั้งสองจะทรงใช้ชีวิตอยู่ที่ใดเป็นการถาวรนั้น ก็ยังเป็นเรื่องไม่ชัดเจนในขณะนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • ณัทรัฎฐ์
    ชีวิตตกต่ำเพราะผู้หญิงคนเดียวแท้ๆ
    22 ม.ค. 2563 เวลา 02.18 น.
  • Winita🌿Hong
    สมัยวัยรุ่นถ้าไม่มีสมเด็จย่าและพี่ชายคอบปกป้องดูแลก็คงไม่สง่างามเหมือนทุกวันนี้ ถ้าเป็นสามัญชนคงติดกับวังวนกับชีวิตที่จมดิ่งไปแล้ว
    22 ม.ค. 2563 เวลา 00.25 น.
  • Dæng
    ขอให้พระองค์มีความสุขกับชีวิตใหม่ ที่เลือกแล้ว ตลอดไป เสียดายอย่างเดียวความรักของพี่น้อง วิลเลี่ยม แฮรรี่ เด็กน้อยที่น่ารักในอดีตจะไม่มีให้เห็นอีก ภาพที่พี่ชาย รัก และคอยปกป้องน้องตามคำสั่งของพระมารดา
    21 ม.ค. 2563 เวลา 10.12 น.
  • Panya Chunnanonda
    เข้าทำนอง “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” ครับ อิ อิ
    21 ม.ค. 2563 เวลา 08.21 น.
ดูทั้งหมด