ถ้าจะบอกว่าสมัยนี้เป็นยุคของการพวกมากลากไปก็คงไม่ผิดนัก เสียงส่วนใหญ่มีผลกับอะไรบางอย่างเสมอ แต่บางครั้งเสียงข้างมากหรือการกระทำของคนหมู่มากก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
โดยเฉพาะถ้ามีประโยคที่ว่า“ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” ขึ้นมาด้วย ยิ่งน่าจะเรียกว่าเป็นข้ออ้างชิ้นโตที่จะปัดความผิด ปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวซะมากกว่า
คนเรามีความคิดวิเคราะห์แยกแยะได้มากกว่านั้น อย่าทำแค่เพราะว่าใคร ๆ เค้าก็ทำกัน แต่จงรู้สึกละอายและคิดว่า “ไม่มีใครเค้าทำกัน” โดยเฉพาะเมื่อ…รู้ว่า ‘ผิด’ ก็อย่าทำ
บ่อยครั้งที่คนเราทำเรื่องผิดหรือเรื่องไม่ดี เพียงแค่เพราะเห็นว่าใคร ๆ เค้าก็ทำกัน เพิ่มเราอีกสักคนคงไม่หนักหนาอะไรหรอกมั้ง แต่ในความเป็นจริง อะไรที่ผิด ก็คือผิด ไม่ว่ายังไงก็เปลี่ยนเรื่องที่ผิดให้กลายเป็นถูกหรือกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปไม่ได้
โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้บางคนก็คิดไม่ได้ว่าอะไรคือเรื่องที่ผิด บรรทัดฐานของสังคมถูกเปลี่ยนไปเพราะไอ้คำว่า “ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” เช่น ทำผิดกฎจราจรพอโดนใบสั่งก็อ้างว่าใคร ๆ เค้าก็ทำกัน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นค่านิยมที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนบางคนจนยากจะแก้ไขไปเสียแล้ว
เมื่อเจอคนแบบนี้เราจะทำอย่างไร? คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด..สิ่งแรกคือเราต้องแยกให้ออกระหว่างความถูกต้องกับความผิด ไม่ตามน้ำไปกับเค้า ยิ่งถ้าเป็นคนใกลชิด ยิ่งต้องเตือนกัน เตือนด้วยความเมตตาให้เค้ารู้ตัว ให้เค้าไม่จมจ่อมอยู่กับความไม่สำนึกหลงผิดอีกต่อไป
เพราะความผิดไม่ใช่เรื่องปกติ
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ความผิดไม่มีวันเป็นเรื่องปกติไปได้ และคำว่า “ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” เป็นคำที่ควรเลิกเอามาใช้ได้แล้ว คนเราเดี๋ยวนี้ใช้คำนี้กันมากเกินไป จนกลายเป็นว่าเห็นความผิดเป็นเรื่องปกติกันไปหมด
จริง ๆ อะไรก็ตามที่ผิด คือไม่ปกติ คือแปลก คือเรื่องที่ไม่ควรจะมีใครทำ และไม่ควรทำตาม ถ้าเราแยกออกว่าอะไรคือถูกผิด เราจะไม่มองว่าความผิดคือเรื่องปกติ เพราะความคิดแบบนี้คือความคิดของคนมักง่าย เอาความสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่มองความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือไม่เคารพกติกาของสังคมยังไงบ้าง
คนเราต้องรู้ดี รู้ชั่ว และต้องอดให้ได้
คนที่แยกผิด ชอบ ชั่ว ดีได้ มักจะมีแนวโน้มที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและผู้อื่น แต่สมัยนี้แยกแยะได้ ไม่พอ ต้องรู้จักอดใจด้วย เดี๋ยวนี้มีคนมากมายในสังคมที่รู้ดี รู้ชั่ว รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก แต่อดไม่ได้ที่จะไม่ทำความผิด
ถ้าอธิบายในทางธรรมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของกิเลสที่เข้าครอบงำ ทำให้จิตใจแกว่งไปในทางที่ไม่ดี…ใจคนเราก็เหมือนน้ำ ซึ่งตามธรรมดาย่อมต้องไหลลงที่ต่ำ ถ้าไม่มีใจที่จะขัดขืน ก็ย่อมหลุดไปตามแรงของกิเลส ทำเรื่องไม่ดีตามความเคยชินของกิเลสไปนั่นเอง
เพราะฉะนั้นอย่าเป็นคนที่ดี ชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้..เราต้องมีสติ รู้ว่าผิดก็อย่าทำ ยิ่งรู้ว่าผิดและใคร ๆ เค้าก็ทำกัน ยิ่งต้องอย่าทำและบอกให้คนอื่นอย่าทำ เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงสังคมได้ตลอดเวลา แค่ต้องเริ่ม!
เอาง่าย ๆ รับผิดชอบต่อตัวเอง เริ่มที่เรา..เลิกคิดว่าใคร ๆ เค้าก็ทำกัน หนึ่งคนคิด สองคนคิด สิบล้านคนคิด แค่นี้ประเทศเรา โลกเราก็น่าอยู่ขึ้นอีกมากโขแล้ว
yoohoo แก้ยาก พวกไหลตามน้ำ ขี้เกียจคิด กลัวความผิด กลัวไม่มีพวก รับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ต้องให้คนอื่นช่วยตลอดเวลา ชอบทำสิ่งผิดให้เป็นถูก ใส่ร้ายคนถูกให้เป็นผิด สังคมจึงเจริญยาก
06 ก.พ. 2562 เวลา 13.02 น.
ยงยศ (กุ้ง) เริ่มที่เรา ลดเป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง ทุกคนสามารถทำได้ สังคมน่าอยู่ขึ้นแน่
ขอบคุณข้อความดีๆจาก LINE TODAY
06 ก.พ. 2562 เวลา 23.08 น.
เต็ม จัดการใครๆที่ทำผิดให้เข็ดหลาบ จดจำ หรืออับอาย น่าจะดี
07 ก.พ. 2562 เวลา 14.08 น.
เมธานนท์ • 88 ใช่เลย เริ่มที่ตัวเรา
07 ก.พ. 2562 เวลา 14.08 น.
การสติและเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก.
06 ก.พ. 2562 เวลา 22.35 น.
ดูทั้งหมด