อดีตหัวหอกสุดติสท์ 'แมนฯยู-สเปอร์ส' ประกาศแขวนสตั๊ดเรียบร้อยแล้ว

ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ อดีตศูนย์หน้าของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 38 ปี ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เมื่อวันที่ 19 กันยายน หลังค้าแข้งกับ เคราล่า บลาสเตอร์ส สโมสรในอินเดียน ซุปเปอร์ลีก เป็นทีมสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว

“ผมรู้นะว่าบางคนคิดว่าผมแขวนสตั๊ดไปนานแล้ว เพราะเกมสุดท้ายที่ได้ลงสนามนั้นก็นานเกิน 1 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่จะต้องยุติจริงๆ เสียที นานมากเกินไปจริงๆ ผมคงคิดถึงฟุตบอลมากแน่ๆ เกมการแข่ง, การทำประตู, ความกดดัน รวมถึงเสียงเชียร์และโห่ร้องจากแฟนๆ ที่โคตรคึกคัก เวลาที่ผมทำประตูได้”

“ที่ผ่านมาผมได้รับพรให้ได้มีโอกาสลงเล่นกับหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดตลอดกาล และดวลกับสโมสรทีดีที่สุดตลอดกาลอีกจำนวนหนึ่ง ขอบคุณทุกๆ คนเลยที่ได้ช่วยเหลือผมจนกระทั่งกลายเป็นนักเตะในแบบที่ผมอยากจะเป็น ขอบคุณอดีตสโมสร, อดีตเพื่อนร่วมทีม, อดีตโค้ช และอดีตสต๊าฟ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ”

“ผมรู้นะว่าบางครั้งก็ทำตัวให้ทุกคนร่วมงานด้วยลำบาก แต่ยืนยันว่าผมได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับสโมสรเสมอ ผมคงคิดถึงทุกโมเมนต์เหล่านั้นมากแน่ๆ เพราะผมรักฟุตบอลมากๆ เลย แต่ผมเองก็แน่ใจว่าทุกคนคงจะคิดถึงผมเช่นกัน ขอบคุณ” เบอร์บาตอฟ ร่ายยาว

เบอร์บาตอฟ ซึ่งเป็นแข้งอารมณ์ศิลปินกับลาลีการเล่นสุดพลิ้วไหวเหนือการคาดเดา ลงโชว์ฝีเท้าบนสนามไปมากกว่า 650 เกมตลอดการเล่นอาชีพราว 2 ทศวรรษ

โดยเบอร์บาตอฟนั้น เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสร ซีเอสเคเอ โซเฟีย ในบ้านเกิดเป็นที่แรกเมื่อปี 1998 ก่อนเหินฟ้ามาอยู่กับไบเออร์ เลเวอร์ูเซ่น ในเยอรมนีปี 2001

จากนั้นแข้งบัลแกเรียก็ย้ายมาโชว์ฟอร์มกับสเปอร์สระหว่างปี 2006-2008 ซิวแชมป์ลีกคัพ 1 สมัย ก่อนขยับไปค้าแข้งกับแมนฯ ยูไนเต็ด 2008-2012 ลงเล่น 150 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย, ลีกคัพเพิ่มอีก 2 สมัย นอกจากนี้ยังเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010-11 ด้วยผลงาน 20 ประตู

หลังจากนั้นเบอร์บาตอฟย้ายไปอยู่กับฟูแล่ม, โมนาโก (ฝรั่งเศส), พีเอโอเค ซาโลนิก้า (กรีซ) และเคราล่า (อินเดีย) และแยกทางกันเมื่อเดือนเมษายนปี 2018 รวมแล้วเบอร์บาตอฟยิงไป 281 ประตู จาก 665 นัดในทุกรายการตลอดเส้นทางการค้าแข้งอาชีพ

ด้านผลงานทีมชาติ เบอร์บาตอฟลงเล่นให้บัลแกเรียไปทั้งสิ้น 78 นัด โดยเป็นกัปตันทีมตั้งแต่ ปี 2006 จนกระทั่งอำลาทีมชาติปี 2010 ซึ่งเขายิงให้บัลแกเรียไป 48 ประตู โดยถือเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลบ้านเกิดเทียบเท่ากับฮริสโต โบเนฟ

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย