ใครจะเชื่อว่า“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ถูกเย้ยหยันถากถาง ปรามาส ดูถูกดูแคลนสารพัด ช่วงครองอำนาจ หลังปฏิวัติ มีดาบอาญาสิทธิ์“มาตรา 44” เป็นเครื่องทุ่นแรง ก็อีกเรื่องหนึ่ง
หลังคืนประชาธิปไตยให้มีการเลือกตั้ง เจอของจริง“เสือ สิงห์ กระทิง แรด ตะกวด” สัตว์ร้ายนานาพันธุ์ น่าจะ “สามเพลงตกม้าตาย”
ปัญหาประเทศชาติบอบช้ำอย่างหนักกับทุกเรื่อง ทั้ง“การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม” แต่ “ทั่นผู้นำ” แคแร็กเตอร์หนักไปทาง“ลิเก” เก่งร้องเพลง เล่นตลก เป๋อเหลอ เอาตัวรอดไปวันๆ “จะไหวหรือ”
แต่ความรู้ ความสามารถ ฉลาดหัวแหลม ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในการเป็น“ผู้นำ” เรื่องของ“ดวง” ก็มีส่วนช่วยหนุนเสริมมิใช่น้อยๆ เหมือนกัน
“บิ๊กตู่” ก่อน กับหลังการแพร่ระบาด “โควิด-19” แค่แป๊บเดียว มีความต่างเป็นหนังคนละม้วน ทุกอย่างประสบผลสำเร็จด้วยความราบรื่น ปลอดอุปสรรค ไร้ขวากหนาม เรียงลำดับ สามารถ “หักมุม” ได้ทุกปมเงื่อน
1.“การบินไทย” มาถูกที่ถูกเวลา ถ้าเหตุการณ์ปกติ การกู้วิกฤต ลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นของกระทรวงการคลังให้เหลือต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อปลดล็อกให้หลุดพ้น “รัฐวิสาหกิจ”
รุกคืบไปปรับปรุงโครงสร้างบริหารในหลายภาคส่วน ผ่องถ่ายพนักงานส่วนเกินออกจากตำแหน่ง และ “ยุบสหภาพ” และยื่นศาลล้มละลายกลางเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ดูไปแล้วน่าจะยาก แต่จบลงโดยง่าย หัสเดิมแม้จะปรับลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นลงเหลือ 47 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่กระทรวงการคลังยังเป็น “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ต้องเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมในการฟื้นฟูจึงจะถูก ตามหลัก “นิตินัย” โดยเฉพาะอำนาจในการเลือกบุคลากรมาร่วมฟื้นฟู
แรกๆ ข่าวว่า มีดราม่ากันนิดหน่อย แต่“บิ๊กตู่” ออกแรงกดปุ่มบรรเลง ชงเอง ชิมเอง
โดยประกาศแต่งตั้ง 4 มือทอง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-บุญทรง หวังเจริญ-ไพรินทร์ ชูโชติถาวร-ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” เข้าไปเสริมใยเหล็กทีมฟื้นฟูเจ้าจำปี ร่วมกับ“พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน-จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล” ตอบโจทย์ได้ประจักษ์ชัดว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีบทบาทใดๆ แม้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ตาม
ก้าวถัดไป 7 บอร์ดที่เข้าร่วมการฟื้นฟูกิจการ ต้องโหวตเลือกประธาน ดูตามประสบการณ์-อาวุโส “ด๊อกเตอร์ปิ” น่าจะชื่อชั้นเหนือใครเพื่อน แต่หวยล็อกน่าจะออกที่คนชื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”
2.ในวันเดียวกันกับการแต่งตั้ง “อรหันต์” ฟื้นฟูการบินไทย เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 อ้างเพื่อควบคุมสถานการณ์“โควิด-19” ให้อยู่หมัด
เรื่อง“เฟส 2-เฟส 3” กิจกรรม กิจการของชาวบ้าน นั่นถือว่าธรรมดา คนไทยตกที่นั่งลูกไก่อยู่ในกำมืออยู่แล้ว
แต่ที่แสบริดสีดวงมากที่สุดคือ “ฉบับที่ 4” ว่าด้วยการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย “เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี”
ทั้งนี้ เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย หรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย มาเป็น “อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว”
โดยขยายเพดาน การผูกขาดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว “รัฐมนตรีพรรคร่วม” ไม่ว่าจะยี่ห้อ “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” ได้แต่นั่งแบะ-แบะ ใบ้รับประทาน มาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมโน้นแล้ว และจะลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน มารวมศูนย์เบ็ดเสร็จอยู่ที่ “ตู่คนเดียว”
3.หากนำ “คำสั่งอื่น” มาสมทบ ทั้งคำสั่งนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา จำนวน 14 คน
และคำสั่งต่อมา เรื่องการแต่งตั้ง “คณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุ สำหรับป้องกัน ควบคุมหรือรักษาโรคติดต่อฯ” จากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 33 คน
ที่น่าสนใจมากที่สุด ในจำนวนนั้น ได้ดึงธุรกิจภาคเอกชน 8 เครือข่ายใหญ่มาร่วมวงไพบูลย์ ซึ่งตามข่าวเบื้องต้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ได้เกี่ยวดองข้องแวะ มีสายสัมพันธ์ใดๆ กับ“ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ” ในรัฐบาล“ตู่ 2/1” อะไรเลยแม้แต่น้อย
เป็น “คนละชุด” และส่วนใหญ่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำร่าง พ.ร.ก. 3 ฉบับ เพื่อการเยียวยา ฟื้นฟูวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งล้วนเป็น“คนนอก” ที่“บิ๊กตู่” ดึงมาปฏิบัติภารกิจลับทั้งดุ้น
เช่นเดียวกับซูเปอร์บอร์ด 9 คนที่เพิ่งแต่งตั้งขึ้นติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบินไทย ที่มี “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ เป็นประธาน กระทรวงการคลังก็ไม่รู้ไม่ชี้อะไรเลยแต่ประการใดเช่นเดียวกัน
4.เมื่อนำเรื่องราวทั้งหมด ลากลายแทงไปผูกโยงกับปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่า “จบข่าว” กันไปเป็นแบบนิ่มๆ เมื่อเร็วๆ นี้ โดย“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ประธานยุทธศาสตร์ ลุกขึ้นมาทวงสมบัติก้นหีบคืน ยึดตำแหน่ง“หัวหน้าพรรค” เรียบโร้ย เขี่ยพี่น้อง “สี่กุมาร” หลุดวงโคจรกันยกยวง
นำมาต่อจิ๊กซอว์ พอจะจับสัญญาณได้ว่า หลังสิ้นเดือนมิถุนายน วันคายอำนาจนายกรัฐมนตรีกลับคืนให้รัฐมนตรี
ปล่อยผี “โควิด-19” เฟสที่ 3 การเมืองเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีใน“พรรคพลังประชารัฐ” ก็น่าจะยกระดับสู่การ “ปรับใหญ่”
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เดินหมากกินสาม-สี่ต่อ“เข้าฮอส” ดูตามหมากที่เก็บกินทีละคำ จาก “ตัวที่ 1-3” เมื่อสุดกระดานแล้วถอยหลังกลับมากิน“ตัวที่ 4”
“กลุ่มสี่กุมารทอง” จึงน่าจะตกที่นั่งอันตรายมากที่สุดในชั่วโมงนี้
“บิ๊กตู่” ไม่ได้อนุบาลทางการเมืองเหมือนเก่าแล้ว คงจะถึงเวลา
“ต้องเลือกแล้วว่า สะพานไหนใช้ข้าม สะพานไหนควรเผาทิ้ง”
ดูตามหน้าตัก หมากที่ปล่อยออกมาทีละชุด โดยเฉพาะทีมกู้ซากการบินไทย ใครต่อใครต่างคิดว่าดีที่สุด
แต่เชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ยังคว่ำไพ่เด็ด เก็บไว้ในสต๊อก “อีกชุด”
เห็นว่าเป็น “ดรีมทีมเศรษฐกิจชุดใหม่” ว่างั้น
Kimmy คนดีมีคุณธรรมค่ะ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำในสิ่งที่เลวให้ลูกน้องเห็น มีกึ้นมีสมอง ใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่เป็น สู้ๆค่ะท่าน
01 มิ.ย. 2563 เวลา 00.10 น.
💖Nice to meet you💖 ผมไม่ได้เข้าข้างทางนายกหรือฝ่ายแค้นนะ มองแบบประชาชนคนนึง ก็เหนื่อยจริงนะวิกฤตการณ์แบบนี้ ปิดนั่นล๊อคนี่นาน เศรษฐกิจก็แย่คนก็บ่น ด่า แต่ถ้าปลดล๊อคแล้วเกิดติดโรคระบาดก็โดนด่าอีก ซ้ายก็ไม่ได้ขวาก็ไม่ได้ การเมืองก็วถ่น ยุ่ง เหมือนยุงตีกัน ไอนั่นจะเอาผลประโยชน์ตรงนี้ ไอนี่จะเอาอำนาจตรงนั้น เหนื่อยจริงๆ
31 พ.ค. 2563 เวลา 23.20 น.
ประสิทธิ์ ไอ้อีอคติรบ.ลุงตู่ติด่าว่าตีอเนื่องไอ้อีอิจฉาตาบอดหูหนวกไอ้สาวกไอ้แม้วอีปูเค็มเน่าเฟะไอ้อีสาวกส้มเน่าก้าวตกเหวถอยก้าวลงคลองไอ้ซ้ายหำเปียกไอ้สังคังการะแมร์ไอ้พวกบูดเน่าเฟะไอ้อีสาวกเด็กเลี้ยงแกะอีชะบาตุดซี่โควิด19 ลากมันไปแดกลงนรก ให้ฟ้าผ่ากระโหลกมันลงสะดือนรกไอ้อีสิ้นคิดสาวกหนักแผ่นดิน กรรมจะกระชากไอ้อีหนักแผ่นดินลงกระทะนรก
31 พ.ค. 2563 เวลา 05.50 น.
ประสิทธิ์ ไอ้สิ้นคิดคนดูแลข้อความไอ้ลิ่วล้อแม้วปูนักโทษหนีคุกควายแดงเน่าส้มเน่าเฟะก้าวตกเหวก้าวถอยหลัง มึงลบข้อความขอให้ฟ้าผ่าไอ้อี ที่ลบข้อความโควิด19 ลากมันลงไปแดกในขุมนรกไอ้ทาสส้มเน่าเฟะควายแดงเน่าไอ้เหลี่ยมแม้วปูม้าเน่าเหม็น
31 พ.ค. 2563 เวลา 05.44 น.
อิจฉาริษยาละชิ ! (ฟังเหมือนคนใส่ผ้าถุงพูด)
ถึงฝีมือไม่เท่าไรแต่มีความตั้งใจทำมันก็สำเร็จได้
ถึงมีฝีมือล้นเหลือแต่ไม่มีคุณธรรมก็ต่ำต้อย
ถึงยังไงโชคก็คือบารมีที่สั่งสมมาด้วยความดี
ถึงมีฝีมือแต่ไม่มีโชคก็ตกที่นั่งลำบาก
ถึงไม่มีฝีมือแต่มีโชคก็ไม่ตกอับตกจน
#คนมีดวงโชคนำไทย ประชาชนชาวไทยก็ได้รับโชคดีไปด้วยไง (คนมีฝีมือเขาหอบเงินไปเสวยเมืองนอกโน้น แต่คงไม่มีความสุขเท่ากับคนไทยดอกนะ)
31 พ.ค. 2563 เวลา 04.58 น.
ดูทั้งหมด