สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงเกณฑ์ด้านบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนโดยกำหนดให้การอบรมเกี่ยวกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance) หรือ ESG เป็นหลักสูตรภาคบังคับสำหรับการต่ออายุความเห็นชอบของผู้แนะนำการลงทุน ผู้วางแผนการลงทุน นักวิเคราะห์การลงทุน เจ้าหน้าที่จัดการการซื้อขายด้านสินค้าเกษตร ผู้จัดการกองทุน และผู้จัดการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการให้บริการแก่ผู้ลงทุน
ก.ล.ต. ได้สนับสนุนและส่งเสริมเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการประกอบธุรกิจและการลงทุนในตลาดทุนไทยที่คำนึงถึง ESG ในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางและผู้ลงทุน ตลอดจนการผลักดันให้ภาคธุรกิจในตลาดทุนเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG เพื่อให้ผู้ลงทุนมีไว้สำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุน ผ่านแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2565 นั้น
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “บุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นผู้มีบทบาทอย่างมากในการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนที่คำนึงถึง ESG แก่ผู้ลงทุน ซึ่งไม่ใช่เพียงผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น แต่ยังต้องขยายไปถึงผู้ลงทุนรายย่อยด้วย ก.ล.ต. จึงส่งเสริมให้บุคลากรในตลาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ให้บริการคำแนะนำการลงทุน วิเคราะห์การลงทุน รวมถึงตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนสำหรับผู้ลงทุน ได้มีการเข้าอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับ ESG เพิ่มเติมจากเกณฑ์เดิมที่กำหนดให้ต้องผ่านการอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ จรรยาบรรณ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวอย่างเพียงพอและได้ทบทวนความรู้อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับบริบทที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
สำหรับการผ่านการอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับ ESG ทุก ๆ 2 ปี จะเป็นคุณสมบัติหนึ่งในการยื่นคำขอกับ ก.ล.ต. เพื่อต่ออายุความเห็นชอบบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ประเภทผู้แนะนำการลงทุน ผู้วางแผนการลงทุน นักวิเคราะห์การลงทุน เจ้าหน้าที่จัดการการซื้อขายด้านสินค้าเกษตร ผู้จัดการกองทุน และผู้จัดการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม รวมถึงบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนดังกล่าวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก มีเวลาเพียงพอในการเตรียมความพร้อมในช่วงปีนี้
“ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า บุคลากรในธุรกิจตลาดทุน รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง* เป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการตอบโจทย์การพัฒนาตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Capital Market) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน ผู้ระดมทุน และตลาดทุนโดยรวม” เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการต่ออายุความเห็นชอบของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน โดยกำหนดเพิ่มเติมให้การอบรมหลักสูตรความรู้เกี่ยวกับ ESG เป็นภาคบังคับ ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาแล้วในช่วงปลายปี 2563
*ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งให้บริการ อาทิ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ค้าหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม จัดการกองทุนส่วนบุคคล ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นต้น
sirijebbie9324 👳🏻♂️ เศรษฐกิจพังพินาศย่อยยับหมดแล้ว
22 ส.ค. 2562 เวลา 08.28 น.
555 ตวาย
22 ส.ค. 2562 เวลา 21.49 น.
Tomvorapot สิ่งหนึ่งที่ขาดในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ คือ
การลงทุนในโครงการดีๆ จากภาครัฐ เช่น การฟื้นฟูธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ น้ำ ป่า เขา ชุมชน สังคม กระจายไปทั่วประเทศ เริ่มจากฐานราก และหรือไม่ก็จัดงบวิจัยพัฒนาไปที่ 3.5% ของจีดีพี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางธรรมชาติและเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น จะเป็นการกระจายความเจริญไปทั่วและอย่างยั่งยืนมากขึ้น จะทำให้จีดีพีโตขึ้นแบบมีคุณภาพ แถมรัฐสามารถใช้โอกาสนี้แก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ ทำในสิ่งที่เป็นรูปธรรม และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้จริง
21 ส.ค. 2562 เวลา 02.24 น.
จะโปรโมทสินค้าเกษตรทั้งที
เลือกลูกใหญ่ๆเนื้อแน่นๆหน่อยก็ไม่ได้
ใครมันจะกล้าซื้อ
มันนึกว่าลูกทุเรียนอ่อนเอามาขาย
สมองลุงนิ่ ไม่อร่อยเท่าสมองลิง
20 ส.ค. 2562 เวลา 00.35 น.
Tu*365456 จะกระตุ้นยังไงรากหญ้าก็จนอยู่วันยังค่ำเพราะมีแต่โจรทำงาน เป็นทหารร่ำรวยกว่าที่คิด อ้างแต่ความจงรักภักดี ทำมาหากินไม่เป็นนายพลกะลาแลนดน์ยังร่ำรวยได้เป็น1000 ล้านกินเนสบุ๊คต้องขึ้นทะเบียนหนังหมาแล้วจริงๆ
25 ส.ค. 2562 เวลา 06.22 น.
ดูทั้งหมด