The New York Times ชี้ ประเพณีทหาร แทรกซึมสังคมไทย และใช้ควบคุมนักเรียน-นักศึกษา

ประเพณีทหาร -- เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ สื่อดังของสหรัฐฯได้เผยแพร่รายงานพิเศษเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มนักเรียน และนักศึกษาในไทย โดยบอกว่ากลุ่มนักเรียนและนักศึกษาได้เริ่มออกมาประท้วง ซึ่งมีชนวนเหตุมาจากการหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหว และผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ถูกอุ้มหายในกรุงพนมเปญของกัมพูชา

ขณะเดียวกันก็มีประเด็นเรื่องการลงโทษตัดผมเด็กนักเรียน
ที่มีผมยาวกว่าที่กฎบังคับของโรงเรียนกำหนด ซึ่งทำให้เหล่านักเรียนไม่พอใจ และมองว่าเป็นการบังคับให้จำยอม
และส่งเสริมเรื่องแนวคิดเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่เข้ากับสังคมในปัจจุบัน

เหตุความไม่พอใจต่างๆทำให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาในไทยก็เริ่มจัดการประท้วงแบบแฟลชม็อบทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดยกระดับเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
และเรียกร้องให้ทหารเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเคารพสิทธิมนุษยชน

เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์
ระบุว่าไทยมีประเพณีแบบทหารแฝงอยู่
และทหารก็เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยเมื่อหลายยุคสมัย เช่นเรื่องการบังคับไว้ทรงผมของนักเรียนที่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี
1972 ขณะที่ในปัจจุบันการบังคับใช้กฎแบบทหารก็ยังคงมีในโรงเรียนทั้งเรื่องการแต่งกายและไว้ทรงผม
รวมทั้งการเกณฑ์ทหาร

ด้านผู้ช่วยศาตราจารย์จูเซปเป โบลอตตา
จากมหาวิทยาลัยเดอรัมของอังกฤษ
ที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยบอกว่ารัฐบาลทหารของไทยอยากได้นักเรียนในอุดมคติคือต้องว่าง่าย
จุดประสงค์หลักคือให้เยาวชนแสดงความชื่อสัตย์ จงรักภักดี
และพร้อมสละชีวิตเพื่อชาติ ศาสนา และกษัตริย์

เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้พยายามสั่งสอนคนรุ่นใหม่ให้เชื่อฟัง ทุกๆเช้านักเรียนจะต้องท่องค่านิยม 12 ประการ แต่แทนที่นักเรียนเหล่านี้จะทำตามคำสอนดังกล่าว กลุ่มคนรุ่นใหม่ของไทยกลับลงถนนประท้วง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประชาธิปไตย ซึ่งการประท้วงมีทั้งแฟลชม็อบตามสถานที่ต่างๆ ไปจนถึงการชุมนุมใหญ่ ซึ่งข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงก็ได้ยกระดับตามไปด้วยจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูประชาธิปไตย ไปจนถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์