ตรัง ป.ป.ช. ชี้! ปมสุ่มตรวจอาหารกลางวันนักเรียน พบไม่มีคุณภาพ ไม่ตรงปก เตรียมตั้งโต๊ะคุยสถานศึกษา ด้าน ‘ชมรมตรังต้านโกง’ เรียกร้องรัฐปรับราคาอาหารกลางวันเด็กมื้อละ 21 เป็น 35 บ.
จากกรณีที่ ป.ป.ช.ตรัง พร้อม ชมรมตรังต้านโกง ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบโครงการอาหารกลางวัน ที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา ปรากฏว่า 1 ใน 8 โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครตรัง และโรงเรียนในระบบ สพฐ.ตรัง เขต 2 ทั้ง 2 โรงเรียน ไม่ดำเนินการตามหนังสือสั่งการที่กำชับมาจากกระทรวง
ทางโรงเรียนได้การจัดซื้อหาวัตถุดิบมาปรุงเอง นอกจากไม่เปิดเผยจำนวนวัตถุดิบที่ซื้อมาในแต่ละวัน เมนูอาหารนักเรียนไม่เหมาะสมในเชิงคุณภาพ
เช่น ใช้วัตถุดิบราคาถูก ปริมาณน้อย ราคาไม่สม ไม่มีการโชว์เมนูรายการอาหาร บางเมนูหายไปจากเมนูอาหารที่วางแผนไว้ ไม่มีการให้ภาคประชาชน ผู้ปกครอง คนในชุมชน เข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบ
นายราม วสุธนภิญโญ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง กล่าวว่า ที่ผ่าน ป.ป.ช.ตรัง ได้เชิญผู้บริหารสถานศึกษาในเขตพื้นที่ต่างๆ ของ จ.ตรังเข้ามาพูดคุยในเรื่องแนวทางของอาหารกลางวันหลายครั้ง
ทุกปีก็จะส่งทางเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจ เพื่อทำให้ถูกต้องในเรื่องการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวัน ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องรายงานทางเขตฯ ประสานงานทางเขต เพื่อดำเนินการกำชับอยู่เนืองๆ
เพราะเป็นเรื่องสำคัญของการบริหารจัดการอาหารกลางวันสำหรับเด็ก ตนมองว่าในทางปฏิบัติทุกคนมีความเข้าใจหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ผู้ปฏิบัติหรือสถานศึกษาได้นำไปปฏิบัติอย่างจริงจังแค่ไหน
นายราม กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ทางผู้บริหารสถานศึกษาอ้างว่า ค่าหัว 21 บาท น้อยเกินไป ไม่สามารถทำอาหารให้มีคุณภาพได้นั้น ต้องเข้าใจบริบทของภาคเศรษฐกิจประเทศไทย งบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด
ถ้าสถานศึกษาให้ความใส่ใจและให้ความสำคัญ ตนมองว่า ทำได้ในความเหมาะสมของงบประมาณ เอาจำนวนเงินเป็นหลัก อย่าเอาเงินส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น มันไม่ถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ก็อาจจะเชิญผู้บริหารการศึกษามาพูดคุยกันอีกสักครั้งหนึ่ง
ขณะที่ นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า สำหรับโครงการอาหารกลางวันเด็กมีปัญหากันมาอย่างต่อเนื่องตลอดในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ในส่วนของ จ.ตรัง ทาง ป.ป.ช.ตรัง และชมรมตรังต้านโกง ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจอยู่เรื่อยๆ
จากการลงพื้นที่สุ่มตรวจตลอดเวลาที่ผ่านมา ในหลายๆ โรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู ก็ยังมีการกระทำการที่เรียกว่า ไม่เข้าใจในการบริหารจัดการในเรื่องโครงการอาหารกลางวัน และบางโรงเรียนมีท่าทีเบียดบัง เอาเปรียบนักเรียนกับโครงการอาหารกลางวันอยู่
หากจะพูดว่า ทุจริตหรือไม่อันนั้น ก็ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แต่เห็นได้ชัดส่วนหนึ่งที่นักเรียนได้รับบริการเรื่องของอาหารกลางวัน ยังไม่มีความถูกต้องตรงไปตรงมา จากที่รัฐได้จ่ายค่าหัวนักเรียนในราคา 21 บาท
แต่ปรากฏว่า เมื่อดูอาหารกลางวันที่เด็กได้รับแล้ว เด็กเล็กที่ร่างกายต้องการสารอาหารที่มีคุณค่า ที่จะทำให้ร่างกาย สมอง ยังไม่ได้รับสิ่งดีๆ เท่าที่ควร ซึ่งจะมีผลในระยะยาวต่อไป ก็อยากจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้โปร่งใสยิ่งขึ้น
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ในส่วนค่าหัว 21 บาท ต่อคน ถ้าเอาตามความเป็นจริงแล้ว มองว่ายังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะการได้รับ 21 บาทนั้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอยู่นั้นด้วย อาทิเช่น บางโรงเรียนหักค่าจ้างแม่ครัวที่รับจ้างมาทำอาหาร หักค่าก๊าซหุงต้ม ค่าเครื่องปรุงต่างๆ ทำให้อาหารที่เด็กได้รับจริง ๆ อาจจะอยู่แค่ 10 กว่าบาทเท่านั้น หรือ 10 บาทต้นๆ ซึ่งเด็กเล็กจะไม่ได้รับสารอาหารที่ดี
ตรงนี้รัฐน่า จะพิจารณาความเหมาะสมมากกว่านี้ สำหรับค่าหัวที่ทางรัฐจะเพิ่มให้เป็น 27 บาท นั้น ตนมองว่า ยังไม่ได้ตามความเหมาะสม น่าจะปรับไปถึงมื้อละ 35 บาทด้วยซ้ำ ตามค่าครองชีพในทุกวันนี้
เพราะทุกอย่างมีราคาแพง ทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลที่มีต้นทุนในการขนส่งอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ ทำให้เด็กได้รับมูลค่าอาหารลดลงไปอีก เช่นในพื้นที่ภูเขา ตามเกาะต่างๆ ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้น
ทั้งนี้มองว่าผู้บริหารทุกระดับชั้น ต้องมาพิจารณาในส่วนนี้ ไม่ใช่ให้เป็นส่วนของ ทาง ป.ป.ช. หรือ ทางภาคประชาชน ที่จะไปเฝ้าสังเกต เพราะการให้อาหารกลางวันเด็ก หรือการให้อาหารเสริม นมโรงเรียนก็ดี ควรจะมีคุณภาพ เพราะเด็กเหล่านี้ต้องการสารอาหารไปบำรุงสมอง ร่างกายให้เติบโต