ช่วงที่ผ่านมาได้อยู่บ้านเยอะ เลยตัดสินใจว่าจะใช้เวลาที่มีนั่งจัดระเบียบข้าวของในบ้านซักหน่อย จนไปเจอกล่องเก็บอัลบั้มรูปมากมายหลายเล่ม ในแบบที่คนยุคนี้อาจจะไม่เข้าใจ เพราะทุกวันนี้เราแทบจะไม่มีการอัดรูปลงกระดาษกันอีกต่อไปแล้ว
ผมหยิบรูปที่บันทึกช่วงเวลาแห่งความทรงจำเหล่านั้นมานั่งเปิดดูอีกครั้ง หลายเรื่องที่เราหลงลืมไปแสนนานว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือภาพแห่งบรรยากาศงานวันเกิดครบ 5 รอบของคุณหญิงแม่ ที่ผมกับพี่ ๆ จัดให้ครั้งใหญ่ที่บ้านเมื่อหลายปีก่อน ดูไปก็ยิ้มไป โดยเฉพาะรูปตอนที่คุณแม่ผมขึ้นกล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่สละเวลามากันล้นหลามหลังเป่าเค้กในวันนั้น แม้มันจะเป็นเพียงภาพนิ่ง แต่ความทรงจำนั้นยังชัดเจนเหลือเกิน โดยเฉพาะกับประโยคหนึ่งที่แม่ผมพูดไว้และยังคงก้องกังวานอยู่ในใจผมจนถึงตอนนี้
“ดิฉันตื่นขึ้นมาทุกวันนี้อย่างมีความสุขที่สุด ด้วยความรู้สึกที่พอใจกับทุกอย่าง จนรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว” อาจฟังดูธรรมดาๆ แต่เป็นประโยคที่ลูกๆได้ยินแล้วอิ่มใจเหลือเกิน
มันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่าแล้วกับตัวเราล่ะ จะมีโอกาสโชคดีแบบนี้ ที่จะได้ตื่นขึ้นมาในสักวัน แล้วรู้สึกพอใจเหลือเกินกับชีวิต จนไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใด หรือต้องการอะไรอีกบ้างไหม
มีบางวันที่ผมตื่นขึ้นอย่างมีความสุขโดยไม่มีเหตุผล กับบางวันที่ผมตื่นมาแล้วหงุดหงิดใจ ไม่แฮปปี้กับอะไร ๆ ไปหมดอย่างไม่สามารถหาคำอธิบายได้เช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนเสมอก็คือ ผมยังคงตื่นขึ้นมาพร้อมกับกิเลส ตัณหา ราคะ ความอยาก โลภ โกรธหลง และปัญหาสารพัดอยู่เหมือนเดิม แม้รายละเอียดความอยากในชีวิตของผมนั้นเปลี่ยนไปมากมายทีเดียวจากในอดีต…
ตอนเด็ก ๆ เคยอยากได้หุ่นยนต์ จนยืนร้องไห้อยู่กลางห้าง อยากได้เกมคอมพิวเตอร์จนยอมอดข้าว อยากไปเที่ยวกลางคืนทั้งที่อายุไม่ถึง อยากโดดเรียนไปดูหนัง เดินห้าง
ที่ประเทศฝรั่งเศสเค้ามีการทดลองอันนึงแปลกดี เค้าเอาอาสาสมัครที่ชอบกิน ช็อกโกแลตมา 500 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกถูกสั่งไม่ให้กินช็อกโกแล ในขณะที่กลุ่มที่ 2 ถูกขอร้องกึ่งยัดเยียดให้กิน หลังจากติดตามผลจน 3 เดือนผ่านไป ผลสรุปออกมาน่าตกใจคือ กลุ่มที่ถูกสั่งให้ห้ามกินนั้น กลับกินช็อกโกแลมากกว่ากลุ่มที่ถูกขอร้องให้กินถึงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็เพราะความท้าทายอยู่ในสายเลือดของคนครับ อะไร ๆ ที่มันท้าทาย ต้องแหกกฎ และได้มายาก ๆ น่ะมันมักหอมหวานยั่วยวนเสมอล่ะครับ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เอาแค่เรื่อง“ผม” หรือขนที่ขึ้นบนหัวนี่แหละ
ตอนเด็ก ๆ อาจารย์สั่งว่าต้องรองทรงสูงปรี๊ดเท่านั้น ชั้นก็ขอยาวกว่าชาวบ้านตลอด ห้ามไว้จอนเหรอ งั้นชั้นไว้ ห้ามซอย ชั้นแอบซอยดีกว่า อย่าทำสีผมเด็ดขาด ก็ยังจะหาโอกาสไปแอบทำ
พอมัธยมปลายให้ไว้รองทรงธรรมดาได้ ก็อยากเพิ่มออฟชั่นมีปอยหวานแบบ Jayler จากที่ตัดผมข้างโรงเรียน 40 บาทก็ประสาทไปเสียที่สยามซัก 4-500 ซะ
พอเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนเริ่มไว้ผมยาวทำตัวติสท์ก็อยากไว้บ้าง ทั้งที่หน้าไม่เหมาะเล้ย…ย
ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งการลองผิดลองถูกที่ท้าทาย อยากแหวกกรอบ อยากแตกต่างสร้างตัวตน ซึ่งความอยากนี้ต่างจากสิ่งที่คุณแม่ของผมเป็นอย่างมาก กล่าวคือหากมีใครบังเอิญรู้จักท่าน ก็จะรู้ว่าท่านมีทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์มากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กับทรงผมตีโป่งตลอดชีวิตไม่เคยเปลี่ยนมานานแล้ว ตั้งแต่ผมจำความได้ ขนาดคุณสมศักดิ์ ชลาชล ขอร้องให้ลองเปลี่ยนดู ถึงขั้นเสนอตัวรับดูแลให้ฟรี คุณแม่ก็ยังไม่มีท่าทีหวั่นไหวใจอ่อน ด้วยบอกว่าก็นี่แหละ“ตัวฉัน” ถ้าไม่ใช่ทรงนี้ ก็คงไม่ใช่ “ฉัน”
ส่วนตัวผมเองนั้น หลังจากที่เคยวิ่งนำจนเลยเถิด และวิ่งตามแฟชั่นจนเหนื่อยหอบมาพักใหญ่ เดี๋ยวฟู เดี๋ยวตั้ง เดี๋ยวเกาหลีม้าเต่อบ้าง ก็มาถึงวันและวัยที่เริ่มจะหยุดที่ช่างประจำ ร้านประจำ กับทรงผมธรรมดาด้วยประโยคซ้ำๆในทุกครั้งที่ไปตัดว่า “เหมือนเดิมครับพี่” ด้วยเริ่มเรียนรู้ว่าอะไรเหมาะและดีที่สุดสำหรับ“ตัวผม”แล้ว
“ทรงผม” ของแต่ละคนในแต่ละวัย อาจบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับคน ๆ นั้นได้มากกว่าแค่เพียงที่ตาเห็น
จากวันที่ผมเคยวิ่งไล่ไขว่คว้าหาสิ่งที่ใช่ ที่อยากเป็น อยากเป็นที่ยอมรับ
จนถึงวันที่“ผม” เริ่มชัดเจนกับตัวเองขึ้น นิ่งขึ้น สงบขึ้น เหมือนกับเราค่อยๆเดินทางมาจนเจอตัวตน ในแบบที่เราพึงพอใจโดยไม่ต้องวิ่งตามกระแส แฟชั่น หรือใคร
วันที่เราค้นพบว่านี่แหละ “ทรงผม”
ได้แต่หวังว่าในซักวัน “ผม” คงจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่พอใจกับทุกอย่าง จนรู้สึกว่าชีวิตไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้วอย่างคุณแม่ผมบ้าง
ส่วนวันนี้เริ่มต้นด้วยการแฮปปี้กับ “ทรงผม” ที่ใช่ ที่พอใจ ไปก่อนก็แล้วกัน…
หวังว่าซักวันของผม และของใครอีกหลายๆคนนั้น มันคงจะไม่ต้องรอนานจนชีวิตต้องล่วงเลยไปถึงวันนั้น…
วันที่ไม่มี “ผม”
-
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก อั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY
mook ทำไมคนมาคอมเมนท์ต้องดราม่าถ้าไม่ชอบเค้าก็ไม่ต้องเข้ามาอ่านแล้วทำให้ใจตัวเองขุ่นมัว.. ตรรกะคนเรามันไม่มีตรรกะขึ้นทุกวันแล้ว
07 ก.ค. 2563 เวลา 12.15 น.
Walee แสดงว่าเริ่มแก่
07 ก.ค. 2563 เวลา 05.09 น.
เป็นช่วงลองผิดลองถูก ตกลงเมิงชอบแบบไหนว่ะ ผู้หญิงรึผู้ชาย
06 ก.ค. 2563 เวลา 12.34 น.
Loh ท้องตอนอายุ13 ทำแท้งอายุ14 ติดยาอายุ15 ขายตัวอายุ16 มีผัวต่ออีก10คน ก่อนถูกวิสามัญ หรือถูกผัวกระทืบตาย นี่แค่ตัวอย่าง ที่ไม่ต้องเข้มงวดมาก สนับสนุนมากๆเลยครับ เยาวชน ของเรา
06 ก.ค. 2563 เวลา 11.57 น.
Tor Adithep อีกาก
06 ก.ค. 2563 เวลา 10.34 น.
ดูทั้งหมด