ไม่ทราบว่ามีคุณผู้อ่านท่านไหนบ้างครับที่โตมาในครอบครัวที่พบเห็นว่าคุณพ่อคุณเเม่ของคุณได้กระทำผิดอะไรบางอย่างที่ผิดต่อคำสอนที่เขาเคยสอนคุณมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจผิดในบางเหตุการณ์ (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายเเรงอะไรก็ได้) หรือบอกกับคุณว่า “ลูกห้ามพูดโกหกนะ มันไม่ดี” เเต่กลับเห็นคุณพ่อคุณเเม่ของคุณพูดปดกับคนอื่นๆ ต่อหน้าต่อตาคุณเสียเอง —
จำได้ไหมครับว่าคุณพ่อคุณแม่ได้กล่าวคำขอโทษอย่างสำนึกผิดจริงๆ และยอมรับความผิดของตัวเอง พร้อมๆ กับให้คำสัญญาว่าเขาจะพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า
เเล้วไม่ทราบว่ามีคุณผู้อ่านท่านไหนบ้างครับที่เคยหรือกำลังทำงานในองค์กรที่เมื่อเกิดข้อผิดพลาด เเล้วหัวหน้าของคุณหรือเจ้าของบริษัทยอมออกมาขอโทษต่อหน้าพนักงานทุกคนเเละประกาศความรับผิดชอบกับความผิดที่เกิดขึ้นในบริษัทของตน ถึงเเม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่ความผิดของเขาโดยตรงก็ตาม
ผมเชื่อว่าคงจะมีน้อยคนนักที่เคยมีประสบการณ์อย่างที่ผมว่าไว้ ส่วนใหญ่เเล้วการกล่าวคำขอโทษเเละการยอมรับผิดของคนในสังคมไทยเรา มักจะวิ่งจากคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าไปยังคนที่มีสถานะหรือความอาวุโสสูงกว่าเท่านั้น
อย่างเช่นการที่ลูกต้องเป็นคนขอโทษพ่อเเม่เวลาที่ลูกทำผิด หรือการที่ลูกน้องต้องเป็นคนขอโทษเจ้านายเวลาที่ลูกน้องทำผิด น้อยครั้งมากที่เราจะเห็นเวลาที่พ่อเเม่ทำผิดเเล้วออกมาขอโทษลูก อาจารย์ทำผิดมาขอโทษลูกศิษย์ หรือเวลาที่เจ้านายทำผิดเเล้วขอโทษเเละยอมรับผิดกับลูกน้อง
เคยสงสัยกันไหมครับว่ามันเป็นเพราะอะไรกัน
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าโดยรวมเเล้ว คนที่อาวุโสน้อยกว่ามักจะทำผิดได้บ่อยครั้งกว่า ซึ่งก็เป็นไปได้นะครับเพราะด้วยประสบการณ์ที่น้อยกว่าทำให้คนเป็นลูกหรือลูกน้องมีโอกาสผิดพลาดมากกว่า เเต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่อาวุโสกว่าเรา เช่น พ่อเเม่ ครูบาอาจารย์ เจ้านาย หรือ CEO จะไม่เคยทำผิดอะไรเลย
แล้วทำไมเวลาคนที่อาวุโสกว่าทำผิด เราถึงไม่ค่อยเห็นพวกเขาออกมาขอโทษและยอมรับผิดกับคนที่อาวุโสน้อยกว่าเลย
ผมเชื่อว่า loss aversion หรือการที่คนเราเกลียดการเสียมากกว่าชอบการได้ เป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนที่มีสถานะที่สูงกว่าเกลียดการรับผิดชอบในความผิดของตัวเองมากกว่าคนที่มีสถานะที่ต่ำกว่า
ในสังคมที่มีลำดับขั้น (hierarchy) อย่างสังคมไทยเรานั้น ยิ่งมีความอาวุโสมากขึ้นเท่าไร ความกลัวการเสีย ซึ่งอาจจะเป็นการเสียหน้า เสียชื่อเสียง ก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับขั้นที่แต่ละคนมีในสังคมตามไปด้วย
เเต่ loss aversion ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวเท่านั้น เพราะไม่งั้นเราก็คงจะไม่เห็นคนใหญ่คนโตในประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น CEO ของบริษัท Sharp เเละ Panasonic ออกมากล่าวคำขอโทษกับลูกค้าเเละผู้ที่ถือหุ้นบริษัทหลังจากที่บริษัทของตัวเองเกิดการขาดทุนอย่างย่อยยับ
เพราะฉะนั้นสาเหตุที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างนอกจาก loss aversion ก็คงจะเป็นเพราะมาตรฐานสังคม (social norm) ที่มีในสังคมของเรา อย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่น มาตรฐานสังคมของเขาก็คือถ้าคุณทำผิด คุณก็ควรจะรับผิดชอบในความผิดของคุณ เเละความรับผิดชอบนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามสถานะเเละความอาวุโสของคุณ (พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าลูกน้องของคุณทำผิดพลาด คุณซึ่งเป็นหัวหน้าก็จะมีส่วนที่จะต้องออกมารับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นภายใต้การดูเเลของคุณ) เเละด้วยความที่ว่าเด็กญี่ปุ่นรุ่นใหม่มีผู้ใหญ่ที่พอผิดเเล้วยอมรับผิด ยินดีเเก้ไขตัวเอง ไม่ยอมบ่ายเบี่ยงโดยการโทษคนอื่นหรือบอกว่า “มันไม่ใช่ความผิดผม” พวกเขาก็จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองมากขึ้น
เเต่ด้วยเหตุผลที่ว่าสังคมของเราเป็นสังคมที่สอนให้เราเคารพเเละเชื่อฟังผู้ที่มีอาวุโสกว่า ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่มีพฤติกรรมดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ให้เคารพเเละเชื่อฟังไว้ก่อน เเต่ไม่ได้สอนให้ผู้ที่มีความอาวุโสมากกว่ามีความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองกับคนที่มีความอาวุโสน้อยกว่า บวกกันกับความกลัวการเสียที่ยิ่งอยู่สูงยิ่งกลัว ปัจจัยเหล่านี้จึงก่อให้เกิดการไม่ยอมรับผิด เเละทำให้เกิดพฤติกรรมที่เป็น ‘สองมาตรฐาน’ ของคนที่มีสถานะหรือความอาวุโสสูงๆ ที่เราสามารถพบเห็นกันทั่วไปในสังคม
ปัญหาก็คือพฤติกรรมเหล่านี้มักจะเป็นพฤติกรรมที่ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จากพ่อเเม่ไปยังลูก เเละจากลูกไปยังหลานได้ ซึ่งก็ทำให้การพัฒนาจากความผิดพลาดของคนในองค์กรต่างๆ เกิดขึ้นได้ยาก
เพราะถ้าคนที่เรามองเป็นตัวอย่าง เป็น role model เป็นคนที่ทำผิดเเล้วไม่ยอมรับผิด เป็นคนที่ออกมาพูดให้เราได้ยินว่า “มันไม่ใช่ความผิดของผม/ฉัน” เเล้วเราจะไปหวังให้คนรุ่นต่อๆ ไปโตขึ้นไปเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น role model ที่ดีกับคนที่มาทีหลังได้อย่างไร
เพราะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในวันนี้ก็คือพฤติกรรมของเด็กๆ ในวันข้างหน้าทั้งนั้น
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
pairot เปรียบดังข้าราชการระดับสูงคำสั่งของผู้บังคับบัญชา. 1ถูกต้องเสมอ 2หากสงสัยคำสั่งให้ไปดูข้อแรก
ผู้ที่้เป็นผู้บริหารต้องผ่านการอบรมจากสถาบันพัฒนาผู้บริหาร จากคนดีๆหลายคนกลายเป็นคนบ้าอำนาจ
14 ส.ค. 2561 เวลา 11.23 น.
ใช่ครับ ยิ่งแก่ ทำอะไรก็ไม่ผิด คนที่อายุน้อยกว่าพอพูดแล้วก็ว่าบาป ด่าพ่อด่าแม่ ทั้งๆที่บางครังเราพูดความจริง สิ่งที่คนแก่ทำมันผิด เราพูดก็ตีความว่าเราด่า ผิดศีล บาป เณรคุณ เลว ผมว่าควรจะเลิกใช้ความเชื่อเก่าแก่ค่ำครึ พวกนี้ได้แล้ว ใช้ความถูกต้อง ดีที่สุดครับ
14 ส.ค. 2561 เวลา 11.38 น.
punsang อาวุโส บางคนล่ะตัวดีเลย ครับ แนะนำน้องๆ ในทางที่ผิด เช่นสถานบันการศึกษาบางแห่ง รุ่นพี่สอนให้ตีกับอีกสถานบันหนึ่ง จนเกิดการล้างแค้นฆ่าฟันจนเป็นวัฏจักร ไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียทีครับ
14 ส.ค. 2561 เวลา 10.27 น.
ไช่เลยขนาดเกษียนไปแล้วแม่งยังวางอำนาจ
แก่จนบ้าอำนาจกู่ไม่กลับ
14 ส.ค. 2561 เวลา 12.26 น.
Tatar แก่กะโหลกกะลา เยอะ บัฟกบาลสักทีดิ้
14 ส.ค. 2561 เวลา 11.12 น.
ดูทั้งหมด