ท่องเที่ยว

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป "นามิเบียแอฟริกาใต้"

WHENWEWANDER
อัพเดต 05 ต.ค. 2565 เวลา 04.03 น. • เผยแพร่ 05 ต.ค. 2565 เวลา 03.30 น. • WHENWEWANDER

ทริปนี้เป็นทริปที่พาตัวเองออกเดินทางไกล ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แปลกตาแล้วก็สวยจับใจมากๆ ก่อนไปก็รู้แล้วแล้วว่าที่นี่ดีงาม เห็นรูปแล้วว่าเราจะเจอกับอะไรบ้าง แต่พอไปเจอของจริงมันอลังการกว่าที่คิดไว้มากเลยทุกคน ทะเลทรายสีส้มกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาตรงหน้ามันทำให้ใจพองโต มีความสุขสุดๆไปเลย

ไฮไลท์ของทริปอีกหลายๆที่ไม่ว่าจะเป็น Spitzkoppe หินแกรนิตอายุมากกว่า 120 ล้านปี สัตว์แปลกๆ ต้นไม้แปลกๆ เนินทรายสีขาวริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ที่อยู่ดีๆก็มีโลมาโดดมาทักทายแบบไม่ได้ตั้งตัว Dead Vlei ดินแดนหลังความตาย เมืองผี Ghost Town ก็เพิ่มความตื่นเต้นให้กับทริปนี้มากๆ เอาเป็นว่าอะไรแปลกๆที่ไม่เคยเจอที่ไหนได้เจอในทริปนี้หมดเลย อากาศก็เจอทั้งร้อนจัด หนาวจัด ทะเล ภูเขานามิเบียมีทุกอย่างจริงๆ

ใครอยากเพิ่มสีสันเติมความผจญภัยให้กับชีวิต และได้มาเห็นธรรมชาติที่งดงามแบบนี้ แนะนำเลยค่ะ นามิเบีย แอฟิกาใต้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด

1. Spitzkoppe

ที่นี่คือ สถาปัตยกรรมทางธรรมชาติของหินแกรนิตอายุมากกว่า 120 ล้านปี ที่มีรูปร่างแปลกตาสวยงาม ได้ชื่อว่าเป็น Matterhorn แห่งประเทศนามิเบีย ดินแดนสวรรค์ขอนักปีนผา ไฮไลท์ของการสถานที่แห่งนี้คือการเดินไปหามุมถ่ายรูปแปลกๆที่เกิดความกัดเซาะของหินแถวนี้ โดยไฮไลท์หลักก็คือ Natural Arch หินโค้งธรรมชาติ ที่มีความสวยงามและอลังการสุดๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

2. Zeila Shipwreck

ซากเรือจมริมทะเลนี้อยู่ทางตอนเหนือของ Swakopmund เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวชอบแวะมาดูและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ตอนที่เราไปตรงนี้หนาวและลมแรงสุดๆไปเลย รูปที่ได้ก็จะเท่ๆประมาณนี้

3. Cape Cross Seal Colony

เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมวน้ำขั้วโลกใต้ที่ใหญ่และเยอะที่สุดในโลก ตอนที่เราไปต้นเดือนพฤษภาคม เค้าบอกว่าเป็นช่วงที่มันจะขึ้นมานอนเกยตื้นบนหาดเยอะที่สุด เพื่อมาออกลูก เลยโชคดีได้เห็นพวกมันใกล้ชิดมากๆ ตัวจริงผิดคาดเล็กน้อยเพราะน้องอุ๋งดุแล้วก็ตัวเหม็นมากๆ 555

4. Sandwich Harbour

อ่าวแซนวิช ที่นี่เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่ก่อตัวกลายสภาพดูเหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค เป็นโลเคชั่นที่เราจะเห็นทั้งทะเลทรายแล้วก็ทะเลพร้อมๆกันเลย กิจกรรมที่ฮิตสุดตอนมาที่นี่ก็คือการ ขับรถ 4WD ซิ่งไปบนเนินทรายที่กว้างใหญ่

5. Walvis Bay

6. Namib Desert

ดินแดนแห่งเนินทรายสีส้มเป็นจุดเด่นของประเทศนามิเบีย ทะเลทรายนามิบเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดของโลก คาดว่ามีอายุอย่างน้อย 55 ล้านปี ทรายที่นี่พิเศษตรงที่มีสีส้มแดงเพราะธาตุเหล็กที่อยู่ในทรายทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ สีของทรายยังบอกถึงอายุได้ด้วย ยิ่งสีเข้มแสดงว่าอายุมากแล้ว

7. Sossusvlei

เป็นแอ่งโคลนแห้งสีขาวที่แห้งแตกระแหง ถูกโอบล้อมด้วยเนินทรายสีส้มแดง เมื่อก่อนบริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำทำให้ต้นไม้เลยมีขนาดสูงใหญ่ อย่างเช่นต้น Camel Thorn จนกระทั่งทะเลทรายถูกพัดเข้ามาเลยเเห้งเเล้ง ต้นไม้ไม่มีน้ำพอที่จะเอาชีวิตรอด ในที่สุดต้นไม้ตายกันหมด เหลือแค่ลำต้นที่ยังอยู่แต่ไร้ชีวิต ที่นี่เลยได้ชื่อว่า “ดินแดนหลังความตายที่สวยงาม”

8. Luderitz Town

เป็นเมืองเล็กๆชายฝั่งทะเลริมมหาสมุทรแอตแลนติก ใจกลางเมืองมีโบสถ์แล้วก็มีบ้านสีสันน่ารักๆอยู่

9. Kolmanskop Ghost Town

เป็นเมืองของชาวเยอรมันที่มาทำธุรกิจอัญมณีที่ประเทศนามิเบีย ภายในเมืองนี้เคยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โรงหนัง โรงไฟฟ้า หรือแม้แต่คาสิโน มีประชากรอยู่กว่า 700 ครอบครัว แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เหมืองเพชรก็เริ่มปิดตัวลง ผุ้คนก็ค่อย ๆ ย้ายออกไป จนในที่สุดก็ไม่มีใครเหลืออยู่ในเมืองนี้สักคน และด้วยความที่เป็นเมืองที่อยู่กลางทะเลทราย เมื่อเกิดพายุทรายก็ถูกพัดเข้าไปในบ้านเรือนต่าง ๆ และถูกทิ้งร้างเอาไว้นานนับ 10 ปี จนกระทั่งมีช่างภาพเข้าไปสำรวจเมืองและถ่ายทำภาพชุดของเมืองร้างนี้ออกมา ทำให้Kolmanskop มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะจุดถ่ายรูปที่แปลกพิศดารที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พอได้ไปจริงๆก็สนุก ตื่นเต้นดี บรรยากาศหลอนๆบางที แต่ก็ไม่เจอผีนะคะ

10. Quiver Tree Forest

ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศนามิเบีย ต้นคีฟเวอร์เป็นต้นไม้ที่มีรูปทรงสวยงามและมีขนาดสูงใหญ่ เป็นพืชอายุยืน มีอายุเฉลี่ยถึง 350 ปี เมื่อเติบโตเต็มที่อาจจะสูงถึง 10 เมตร ภายในลำต้นเป็นเนื้อเยื่ออวบน้ำที่นุ่มชื้น คล้ายกับภายในของว่านหางจระเข้

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เรื่องที่ควรรู้ก่อนไป ข้อมูลต่างๆ

สามารถดูรายละเอียดอื่นๆได้จากลิงค์ที่แปะไว้ให้นะคะ (โดยกดที่ "ดูข่าวต้นฉบับบ")

ดูข่าวต้นฉบับ