ตามที่ ปรากฏข่าวจากการแถลงของ นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรณี การบริหารงานของสภากรรมการชุดปัจจุบัน ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เกิดความเสียหายถูกศาลพิพากษาให้สมาคมจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แก่บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด ( มหาชน ) ตามความทราบแล้วนั้น
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอชี้แจงให้ทราบว่า คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด สมาคมได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น พร้อมคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ตามเอกสารประกอบ 1) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์แล้ว สมาคมยังไม่ได้จ่ายเงิน จึงยังไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาคม
ทั้งนี้ สภากรรมการ มีความจำเป็นต้องให้สมาคมบอกเลิกสัญญาเนื่องจากไม่สามารถลงมติได้ว่าสมาคมจะยึดถือสัญญาฉบับใด เพราะพบว่าสัญญาที่ทำไว้ในสมัยของนายวรวีร์ มะกูดี มีสัญญา “แต่งตั้งผู้บริหารสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอาชีพ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” 2 ฉบับลงวันที่เดียวกัน (วันที่ 8 กุมพาพันธ์ 2556) ฉบับหนึ่งให้ผลตอบแทน 5 เปอร์เซ็นต์ (ตามเอกสารประกอบ 2) แต่อีกฉบับหนึ่งให้ผลตอบแทน 50 เปอร์เซ็นต์ (ตามเอกสารประกอบ 3)
ส่วนฉบับที่ 3 หลังจากสมาคมถูกฟ้องคดีดังกล่าวจึง ได้รับสัญญาฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2558 จากโจทก์ (ตามเอกสารประกอบ 4) สัญญามีลักษณะนำสิทธิประโยชน์ของสมาคมไปเป็นทุนโดยรายได้ทั้งหมดที่เกิดจากการบริหารสิทธิประโยชน์หักด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากมีกำไรจะแบ่งกันคนละครึ่ง หากขาดทุนสมาคมจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ เลย การลงทุนลักษณะดังกล่าวเปรียบประดุจการลงทุนในห้างหุ้นส่วน สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้สมาคมเกิดความเสียหายถึงขั้นล้มละลายได้
นอกจากนั้นสัญญานี้มีลักษณะเป็นการมอบการบริหารจัดการทั้งปวงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของสมาคมให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคู่สัญญาอีกฝ่ายแต่ผู้เดียว การที่สภากรรมการบอกเลิกสัญญาจึงได้พบความเป็นจริงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการปกปักษ์รักษาสมาคมไว้อย่างทันท่วงที สามารถรักษาผลประโยชน์อันเกิดจากสิทธิประโยชน์ของสมาคมไว้เพื่อนำมาพัฒนากีฬาฟุตบอลของชาติต่อไป
สภากรรมการ เข้ามารับตำแหน่ง ไม่ปรากฏหลักฐานการรับค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ ประกอบกับสัญญานี้กำหนดผลตอบแทนเพียง 5 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งยังยกอำนาจในการบริหารจัดการสมาคมให้กับบริษัทดังกล่าวทั้งหมด ทำให้สภากรรมการไม่สามารถกำหนดทิศทาง หรือนโยบายในการบริหารจัดการสมาคมได้ และสัญญาดังกล่าวไม่เป็นธรรม ที่ให้สมาคมได้รับค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ 5 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
นอกจากนี้ ในระหว่างการสืบพยานในคดีดังกล่าว สมาคมยังพบหลักฐานการโอนเงินระหว่าง บริษัท คู่สัญญากับอดีตนายกสมาคม เอกสารการสั่งจ่ายระบุให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ รายการ ค่าดำเนินการ TPL 2013 ลงวันที่ 25 เมษายน 2556 จำนวนเงิน 7 ล้านบาท แต่เงินดังกล่าวถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตนายกสมาคมฯ ซึ่งนำมาสู่การที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ศาลแขวงปทุมวัน หมายเลขคดีดำที่ อ.4/2562 ในข้อหาหรือฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์
ล้วงไปลึกๆมีอีกหลายคนครับที่ผิดคนเดียวทำไม่ได้หรอก
21 ม.ค. 2563 เวลา 15.40 น.
นรินทร์ธัช อุตุภรณ์ แก2คนหลบไปเอาบิ๊กหอยดีกว่ายังทำทีมได้ที่4เอเชียพวกมึง2คนยังไม่ได้ขนหน้าแข้งพี่หอยเลย
21 ม.ค. 2563 เวลา 14.48 น.
saansol มีแต่ข่าวคาวพัวพันทุจริต บังยี บั้นปลายชีวิตมีแต่ขึ้นโรงขึ้นศาล หาความสงบไม่ได้ เวรกรรมที่ทำไว้ก่อนหน้า
21 ม.ค. 2563 เวลา 14.28 น.
อ.เซน ทำไม และทำไม ไม่ปล่อยวาง
อำนาจ บารมี มีหรือที่จะยึดติดได้
เป็นอมตะ สงสารเปรตหลงนรก
21 ม.ค. 2563 เวลา 14.25 น.
เด็กน้อย เอาให้ติดคุกเลยนะ
21 ม.ค. 2563 เวลา 14.20 น.
ดูทั้งหมด