ศบค.ย้ำยังมีชุดข้อมูลที่วางใจไม่ได้ กลุ่มคนไทยมาจากต่างประเทศ เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์หลัง ยก 2 เคสรายใหม่วันนี้ ไม่แสดงอาการ แต่ตรวจพบเชื้อในวันที่ 13-14 ระบุก่อนผ่อนคลายระยะ 3 ต้องใช้ข้อมูลพิจารณารอบคอบ เหตุเสี่ยงสูง โดยเฉพาะการเปิดร้านนวด
ศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม ว่า ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย สูงสุดเป็นคนไทยกลับจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกันโรค หรือ State Quarantine รวม 15 ราย ซึ่งวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 9 ราย อยู่ใน State Quarantine ทั้งหมด
ในผู้ติดเชื้อ มี 2 ชุดข้อมูลที่น่าสนใจ คือ มี 2 ราย อยู่ใน State Quarantine มาได้ 13-14 วันใกล้ออกแล้ว แต่มาเจอเมื่อตรวจหาเชื้อในโพรงจมูกอีกรอบก่อนจะออกจากศูนย์ และอีก 1 ราย ที่เป็นพนักงานชาย ซึ่งกลับมาจากกาตาร์ได้ 3-4 วัน ก็ตรวจพบเชื้อ อาการ คือ มีไข้ จมูกไม่ได้กลิ่น
ทั้งหมดจะเป็นชุดข้อมูล สำหรับการพิจารณาการผ่อนคลายมาตรการระยะ 3 ต่อไป ซึ่งจะเป็นการเปิดกิจการ ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ร้านนวด ซึ่งคนนวดต้องมีสุขอนามัยสูงมาก เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะไปรับเชื้อจากคนอื่น แม้จะสะอาดอย่างไร แต่ลูกค้าอาจนำเชื้อมาติดได้ โดยเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข ก็จะช่วยกันคิด และแนะนำแนวปฏิบัติ สำคัญ คือ กิจการต้องเริ่มทำเสีย แต่ตอนนี้ ให้เป็นความเคยชิน
อย่างไรก็ตามกิจการใดจะมีการผ่อนคลายระยะ 3 นั้น จะต้องรอฟังมติจากคณะกรรมการฯ แว่วว่าจะมีกิจการและกิจกรรมผ่อนคลายมากขึ้น และกิจการเสี่ยงสูง ก็จะอยู่ในการพิจารณาด้วย เพราะตอนนี้บรรยากาศเอื้อให้ผ่อนคลาย และนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศบค. ก็อยากให้เปิดกิจการมากๆ เนื่องจากทราบความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย ประกอบกับสถานการณ์ก็ดีขึ้น เป็นการตอบแทนที่เราดูแลกัน และร่วมมือกันมาอย่างดี
แต่ย้ำว่าทุกอย่างต้องสมดุล ซึ่งชุดข้อมูลต่างๆ ก็ยังทำให้เราวางใจไม่ได้ 100% เช่น คนไม่มีอาการ แต่มาตรวจหาเชื้อ ก็เจอ เป็นต้น ซึ่งชุดข้อมูลเหล่านี้ผู้บริหารต้องนำมาตัดสินใจ ให้เกิดความสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจ
" เราไม่ได้ต้องการให้ยอดติดเชื้อเป็นศูนย์ถึงจะผ่อนคลาย ยอมรับความเสี่ยงเกิดโรคได้ แต่เราไม่อยากให้ความเสี่ยง ของคน 1 คนกลาย เป็นคนสองสามร้อยคนที่ติดเชื้อ หวังว่าหลังวันที่ 30 มิถุนายน เราจะกลับไปเป็นปกติในวิถีใหม่ หากทุกคนปรับตัวได้ เมื่อถึงตอนนั้น เราก็ไม่ต้องมีกฎหมายมาดูแล มั่นใจได้ว่า เราจะนำพาประเทศไทย และคนไทย 60 ล้านคนไปสู่วิถีใหม่ ที่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม การเดินทางไปมาของคนในประเทศเหมือนเดิม แต่คนจากต่างประเทศมาไทย อาจจะต้องยังคุมอยู่ เหมือนญี่ปุ่น เพราะทั่วโลกยังมียอดติดเชื้อรายวันสูง ย้ำว่าผู้ประกอบการต้องทำวิถีใหม่ โดยมีภาครัฐไปกำกับดูแล ให้เราผ่านไปด้วยกัน "
ส่วนการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า เมื่อวานอาจใช้คำหลายคำ ที่ทำให้หลายคนไม่สบายใจ ตนเองไม่ได้มีเจตนา เราอยากให้ผ่อนคลาย แต่ต้องเชื่อมั่นได้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้มีเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด นอกจากเพื่อป้องกัน และควบคุมโรค
ย้ำว่าระยะนี้ 1 เดือนจากนี้ จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ที่เราขยายการใช้พ.ร.ก.ออกไป เพื่อเป็นระยะปรับตัวของรัฐ ที่ต้องไปปรับใช้กฎหมายที่มีอยู่เดิม มาดูแลประชาชน ขอโอกาสให้ศบค.ส่งมอบทุกอย่าง ให้ไปสู่วิถีปกติอย่างดี ตนเองก็อยากจะหยุด แต่ก็อยากทำให้ดีที่สุด เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดไว้
บรรจง ทุกวันนี้ถึงไม่เปิดร้าน ก็นวดๆๆอย่างเดว ตามห้องกันอยุ่แล้ว 555
27 พ.ค. 2563 เวลา 18.49 น.
ออด รีบๆเปิดเถอะร้านนวดนะ รอนานแล้ว จะได้ไปคลายเมื่อยสักหน่อย ช่วงเส้นมันดูตึงๆๆ
27 พ.ค. 2563 เวลา 08.02 น.
ดูทั้งหมด