ศึกชิง ‘หอยแครง’ อ่าวบ้านดอน ปมขัดแย้ง 3 ด้าน
อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ถ้ารู้จักกันตามชื่อก็คืออ่าวทะเลเหมือนๆ อ่าวทั่วไป
แต่อ่าวบ้านดอนปรากฏเป็นข่าวปะทุขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวประมงพื้นบ้านชุมชนบ้านสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ กว่า 300 คน รุมล้อมรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีชายฉกรรจ์เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นายอยู่ในรถ
จากเหตุที่ นายอนุชา บินมูซา อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.ท่าทองใหม่ ที่ไปรับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้านบริเวณปากแม่น้ำตาปี อ้างว่าถูกตำรวจนอกเครื่องแบบใช้อาวุธปืนจี้บังคับยึดลูกหอยแครง 23 กระสอบ น้ำหนัก 700 กิโลกรัม มูลค่า 5 แสนบาท ที่ถูกกล่าวหากระทำผิดกฎหมายประมง โดยมีการเรียกเงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกไม่ถูกดำเนินคดี
จากนั้นปัญหาต่างๆ กลายเป็นเรื่องแดงขึ้น มีการโจษขานว่า กลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบดังกล่าวเป็นเด็กของผู้มีอิทธิพลครอบครองพื้นที่อ่าวบ้านดอน มีคอกเลี้ยงหอยเถื่อน เกิดเสียงเรียกร้องให้มีการรื้อถอนเสาหลักไม้ไผ่เขตเลี้ยงหอยแครง ให้เป็นพื้นที่สาธารณะให้ชาวบ้านได้ทำมาหากิน
ทั้งนี้ อ่าวบ้านดอน คือพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ ลำดับที่ 62 ของประเทศจากทั้งหมด 69 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ตามการทบทวนทะเบียนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่องทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
โดยมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ในข้อที่ 6 ประกาศให้พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก โดยมีกรมประมง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยสนับสนุน
ด้วยสภาพท้องทะเลฝั่งอ่าวไทยในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง อ.พุนพิน อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.ดอนสัก รวม 6 อำเภอ เป็นเวิ้งอ่าวก้นกระทะขนาดใหญ่ อ่าวบ้านดอน มีความยาวแนวชายฝั่ง 120 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 434,575 ไร่ รองรับน้ำจากลำคลองน้อยใหญ่หลายร้อยสายลงสู่ปากอ่าว โดยเฉพาะบริเวณตะกอนปากแม่น้ำตาปี ระหว่างเขต อ.เมือง และ อ.พุนพิน มีสภาพอุดมสมบูรณ์ที่สุดเป็นที่กำเนิดลูกหอยแครงธรรมชาติ และเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนนานาชนิด อ่าวบ้านดอนจึงเป็นแหล่งประกอบอาชีพเลี้ยงปากท้องชาวบ้านประมงชายฝั่งมาช้านาน
บริเวณอ่าวบ้านดอน ท้องที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ อ.พุนพิน จึงเป็นพื้นที่ไม่สามารถอนุญาตให้บุคคลใดยึดครองเพาะเลี้ยงได้ ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องปัญหามีนายทุนรุกพื้นที่เข้าไปปักแนวเขตเป็นพื้นที่ของตนเอง มีการปลูกขนำเฝ้าคอกหอย และมีการไล่ยิงชาวประมงพื้นบ้านที่เข้าไปจับลูกหอยในบริเวณดังกล่าว เป็นปัญหากระทบกระทั่งระหว่างกันอยู่บ่อยครั้ง
ย้อนเวลาไป 5 วัน ก่อนเหตุรุมล้อมตำรวจ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำทหาร มทบ.45 เจ้าหน้าที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4, ประมงจังหวัด, กอ.รมน.จังหวัด, ป้องกันจังหวัดและกำลัง อส. ตรวจในอ่าวบ้านดอน เพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมายในเขตอนุรักษ์ 1,000 เมตรจากชายฝั่ง ท้องที่ปากคลองฉนาก หมู่ 8 ต.คลองฉนาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ปรากฏว่าไปพบเรือประมง 20 ลำ ติดอุปกรณ์คราดจับหอยแครงขนาดเล็กไปขายต่อให้กลุ่มนายทุนเลี้ยงหอย จับกุมเรือได้ 4 ลำ ผู้ต้องหา 8 คน ยึดลูกหอยตัวเล็กจำนวนมาก การใช้เครื่องมือคราดหอยเป็นสิ่งผิดกฎหมายประมงห้ามใช้ในเขตอนุรักษ์ เพราะคราดจับหอยได้ง่าย แต่เป็นการกวาดทั้งสัตว์น้ำอื่นๆ ติดตายไปด้วย เพราะลูกหอยแครงมีราคาดีกิโลกรัมละ 500-700 บาท แต่ละวันคราดเก็บได้คนละ 2-3 กิโลกรัม
มาตรการเร่งด่วนของ จ.สุราษฎร์ธานี คือต้องรื้อถอนหลักไม้ไผ่ที่ปักครอบครองรุกล้ำในเขตอนุรักษ์ 1,000 เมตร ออกจากพื้นที่ให้หมด โดยมี นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี นำเรือประมงชาวบ้านที่มาลงดำเก็บหอยด้วยมือนับ 100 ลำ
ช่วยรื้อถอนหลักที่ปักครอบครองรุกล้ำในเขตอนุรักษ์ 1,000 เมตร ออกจากพื้นที่ให้หมดภายในวันที่ 25 พฤษภาคม ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ล่าสุด พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน แม่ทัพน้อยที่ 4 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามปัญหาที่ส่อเค้าความขัดแย้งรุนแรงอีกรอบ หลังเกิดเหตุเผาขนำเฝ้าคอกหอยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจับกุมอาวุธปืนพ่อค้ารับซื้อหอย พร้อมเตรียมนำปัญหาเข้าหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ โดยจังหวัดจัดประชุมด่วนเพื่อหาข้อยุติ
ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่อ่าวบ้านดอน ไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในระหว่างการแก้ปัญหา ตลอดจนตรวจการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งอาวุธปืน สิ่งผิดกฎหมาย ตลอดจนการทำการประมงที่ผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
เป็นอีกปรากฏการณ์ความขัดแย้ง 3 ด้าน หนึ่ง คือชาวบ้าน หนึ่ง คือนายทุน (ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนช่วยเหลือ) และอีกหนึ่ง คือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพื้นที่ชุ่มน้ำ
ทุกอย่างต้องหาจุดสมดุล
✝️NiPhon 🔆 ที่ผ่าน ๆ มา หลาย ๆ สิบปี ชาวบ้าน เขาทำมา หางมหอย ทำไม ! " ไม่มีปัญหา " ..
พอมีนายทุน และเจ้าหน้าที่รัฐ บางตัว สนับสนุน นายทุน ปักเขตแดน ในพื้นที่สาธารณะ ในท้องทะเล .. " มันจึงเป็นปัญหา " ..
ต้นเหตุ : คือเจ้าหน้าที่ บางตัว !! .. ไม่คิด จะค้นหา เจ้าหน้าที่รัฐ ตัวนั้น ๆ มาดำเนินคดี ทางกฎหมาย หรือนายหัว ครับ " นายหัว "
02 มิ.ย. 2563 เวลา 02.33 น.
RACHAPOL ที่ใดมีผลประโยชน์ที่นั้นย่อมมีปัญหา
ถ้าหอยแคลงไม่มีราคาปัญหาย่อมหมดไป
02 มิ.ย. 2563 เวลา 02.26 น.
18 Engineering มาเฟีย เพ แหละ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวดีเพ มีทีมงาน มือปืนขาใหญ่ ของสุราษฎร์ ดูแล ต้องจ่ายทุกคอก ไม่นั้นก็ทำไม่ได้ เป็นแบบนี้มานานแล้ว มีการอ้างในการเก็บค่าดูแลว่าเอาให้นักการเมืองใหญ่ ของสุราษฎร์ ให้จริงๆหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ เป็นมาเนิ่นนาน ครั้งนี้เดียว ก็เงียบ แล้วก็ดลับไปเหมือนเดิม กำนัน ตัวดี
02 มิ.ย. 2563 เวลา 03.11 น.
charanyodsilp ใครๆๆก็รู้ที่นี่ของใคร....ใครเข้าไปตายสถานเดียว...ใอ้ดำ
02 มิ.ย. 2563 เวลา 02.09 น.
Chat ช่วยกันไม่กินหอยแครง เดี๋ยวราคาตก ก็จะไม่เกิดการประมงผิดกฎหมาย เพราะทำไปก็ไม่คุ้ม
02 มิ.ย. 2563 เวลา 02.55 น.
ดูทั้งหมด