วช. หนุน ม.มหาสารคาม ปูทางสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพครบวงจร โดยนำพืชผลทางการเกษตรมาเป็นวัตถุดิบหลักการผลิต เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 จากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ "พลาสติกชีวภาพ (Bio plastic)" ได้เริ่มเป็นที่กล่าวถึง และได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ โดยใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรมาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ประเทศไทยจึงอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเพราะเป็นฐานการเกษตรใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่สถานภาพของอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในประเทศไทยกลับอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเพียงเล็กน้อยโดยนำเข้าเม็ดพลาสติกชีวภาพจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด เพื่อนำมาขึ้นรูปเป็นภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ ด้วยเครื่องจักรผลิตพลาสติกธรรมดา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) จึงได้สนับสนุนทุนการวิจัยแก่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ (PLA : Polylactic acid) เพื่อเป็นวัตถุดิบต้นทางในการผลิตพลาสติกชีวภาพ
รศ.ดร.ยอดธง ใบมาก ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า โดยปกติขั้นตอนการผลิตพลาสติกชีวภาพแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นต้นน้ำ เป็นการผลิตกรดแลคติกจากแป้งและน้ำตาล โดยใช้ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย เป็นวัตถุดิบ ขั้นกลางน้ำ เป็นการนำกรดแลคติกมาสังเคราะห์เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติกชีวภาพ และขั้นปลายน้ำ เป็นการนำเม็ดพลาสติกชีวภาพไปผสมสูตรเพื่อขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดต่างๆ ประเทศไทยจึงเป็นเพียงผู้ผลิตปลายน้ำที่ยังไม่มีเทคโนโลยีการผลิตเป็นของตัวเองแบบครบวงจร นอกจากการร่วมทุนกับต่างชาติตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยโดยใช้เทคโนโลยีของต่างประเทศ
จากการสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดย ม.สุรนารี มีบทบาทในการผลิตกรดแลคติกเพื่อให้ ม.มหาสารคาม นำไปสังเคราะห์เป็นเม็ดพลาสติก PLA แล้วจึงนำเม็ดพลาสติกที่ได้ไปผสมเป็นสูตรต่างๆ เพื่อขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ ผลจากการวิจัยสามารถพัฒนาสูตรผสมและขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น ช้อนกาแฟ จาน ชาม เมื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้ปรากฏว่ามีความแข็งแรงมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นรูปจากเม็ดพลาสติก PLA ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
"เพื่อให้สามารถขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ให้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงได้พัฒนากระบวนการผลิตเม็ดพลาสติก PLA ในขั้นกลางน้ำ เพื่อให้ได้ปริมาณเม็ดพลาสติกมากขึ้น จากเดิมที่ใช้วิธีสังเคราะห์กรดแลคติกด้วยหลอดแก้วที่อยู่ในห้องทดลอง ซึ่งให้ผลผลิตเป็นเม็ดพลาสติก PLA ครั้งละประมาณ 500 กรัม ดังนั้นจึงพัฒนากระบวนการผลิตโดยในขั้นตอนแรกสามารถพัฒนาและประดิษฐ์เครื่องที่ทำจากสเตนเลส ซึ่งมีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์กรดแลคติก 8 กก. ให้เป็นโมโนเมอร์ได้ถึง 4 กก. ในขั้นตอนที่สองเป็นการประดิษฐ์เครื่องเพื่อสังเคราะห์โมโนเมอร์ให้เป็นเม็ดพลาสติก PLA ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขอทุนสนับสนุนทำวิจัยต่อเนื่องจาก วช. ซึ่งหากทำเป็นผลสำเร็จก็สามารถใช้เป็นเครื่องต้นแบบเพื่อพัฒนาไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไปได้"
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า บทบาทสำคัญของ วช. คือ สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นของไทยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้าเม็ดพลาสติกชีวภาพ และพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีการผลิตแบบครบวงจร ทั้งที่วัตถุดิบต้นทางทั้งหมดมีอยู่ในประเทศไทย การวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรจะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถและความเข้มแข็งทางเทคโนโลยีให้กับประเทศไทย ช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรที่นำมาเป็นวัตถุดิบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- วช. จับมือ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มก. วางมาตรฐานตู้กดน้ำดื่มทั่วประเทศ
- ตำรวจจำลองนาที Z4 ชน สวิฟต์ คอหวยร่วมแจม เล็งเลขทะเบียนรถ
- “ตรีนุช” กำชับ 14 มิ.ย. เปิดเรียนปลอดภัย แนะสร้างต้นแบบต่อยอดทักษะชีวิตเด็ก
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath