ทั่วไป

ผลสำเร็จนักวิจัยไทย คิดค้นแปลงเพศกุ้งก้ามกราม ขยายปริมาณสู่ตลาดผู้บริโภค

TODAY
อัพเดต 21 พ.ย. 2562 เวลา 10.55 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 10.55 น. • Workpoint News

นักวิจัยสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล ม.มหิดล คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ด้านชีวโมเลกุลแปลงเพศกุ้งก้ามกราม สายพันธุ์ MU1 ให้ปลอดโรคและโตไว เพื่อเพิ่มผลผลิตช่วยเศรษฐกิจประเทศ

จากสถิติของกรมประมง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ.2561 ประเทศไทยมีการส่งออกกุ้งก้ามกรามไปยังตลาดต่างประเทศ ปริมาณ 2,873.6 ตัน คิดเป็นมูลค่า 344 ล้านบาท โดยตลาดหลักที่มีมูลค่าการส่งออกกุ้งก้ามกรามมากที่สุดของไทย คือ เมียนมาร์ รองลงมา คือ เวียดนามและจีน โดยมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งร้อยละ 87.4 ที่ส่งออกไปยังจีนเป็นกุ้งก้ามกรามสำหรับทำพันธุ์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แม้ว่าเกษตรกรส่วนใหญ่จะวางแผนการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเพื่อให้จับขายได้ในช่วงเทศกาล แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอและส่งผลให้กุ้งก้ามกรามขาดตลาด จึงได้มีการพยายามปรับปรุงสายพันธุ์ และรูปแบบการเลี้ยงขึ้นใหม่ โดยเป็นการเลี้ยงแบบเพศผู้ล้วน เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ เช่น โตเร็ว เนื้อและรสชาติดี ทนต่อโรค และระยะเวลาเลี้ยงสั้นลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดร.สุพัตรา ตรีรัตน์ตระกูล กล่าวว่า ตนได้ริเริ่มคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ด้านชีวโมเลกุล โดยการนำกุ้งก้ามกรามเพศผู้ที่ปลอดโรค สุขภาพดี โตเร็ว มากระตุ้นให้เกิดการแปลงเพศเป็นเพศเมียด้วยสารประกอบชีวโมเลกุล จนกระทั่งได้กุ้งก้ามกรามเพศผู้ที่มีเพศสภาพภายนอกเป็นเพศเมีย เมื่อนำไปผสมกับพ่อพันธุ์กุ้งก้ามกราม ก็จะให้ลูกก้ามกรามเพศผู้ โดย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT) ได้เข้ามาดูแลการขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวสาร และกรรมวิธีผลิตแม่กุ้งก้ามกรามแปลงเพศเพื่อให้แม่กุ้งก้ามกรามสามารถผลิตได้เฉพาะลูกกุ้งก้ามกรามที่เป็นตัวผู้ได้ โดยได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 เรื่อง นอกจากนี้ ยังได้รับความสนใจจากบรรจงฟาร์มในการร่วมมือทางวิชาการเพื่อต่อยอดงานวิจัยในการผลิตลูกกุ้งก้ามกรามเพศผู้ ตั้งแต่ปี 2561 ไปยังฟาร์มอนุบาลลูกกุ้งก้ามกราม และเกษตรกรตามพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

ในอนาคตจะมีการขยายผลและพัฒนาเพิ่มเติม โดยมุ่งผลเพื่อช่วยสร้างรายได้แก่เกษตรกร และให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคต่อไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ