ไลฟ์สไตล์

ไม่ลงรอยกับคนรักซะที เพราะมี ‘ภาษารัก’ ไม่ตรงกันรึเปล่านะ - เพจ Beautiful Madness by Mafuang

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 09 ก.ย 2563 เวลา 00.58 น. • เพจ Beautiful Madness by Mafuang

 

เราทั้งคู่ก็รักกันจะตาย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทุกอย่างตรงสเป็กหมด

แต่ทำไมความสัมพันธ์ครั้งนี้ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดขัด

หลายครั้งมักเป็นเรื่องกระจุกกระจิก ไม่ใช่เรื่องใหญ่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่ก็ทำให้ต่างคนต่างรำคาญ และหงุดหงิดกันเป็นวันๆ

 

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อาจเป็นเพราะเราทั้งคู่มี Love Languages หรือ ‘ภาษารัก’ คนละอย่างกันก็ได้

คุณแกรี่ แช็พแมน (Gary Chapman) เป็นศาสตราจารย์และนักพูดชื่อดัง ที่ให้นิยามของ ‘ภาษารัก’ ไว้ 5 ประเภทด้วยกัน

และเจ้าภาษารักทั้ง 5 นี่แหละ ที่อาจเป็นตัวจุดชนวนความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ ในความสัมพันธ์ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหากันยังไง ‘ให้เข้าไปถึงในใจที่สุด’

นั่นเป็นเพราะ เราแต่ละคน มีวิธีการแสดงออกถึงความรัก และความพอใจในสไตล์ของการได้รับความรัก ไม่เหมือนกัน

 

‘ความรักในแบบฉัน’ อาจมีรูปร่างไม่เหมือน ‘ความรักในแบบเธอ’

แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ‘เราไม่ได้รักกัน’

มันแค่ว่า เราต้องสื่อสารต่อกันและกันให้เข้าใจ สไตล์ความรักที่มัน ‘ตรงใจ’ ของแต่ละคนต่างหาก

 

 

รูปแบบทั้ง 5 ของภาษารักนั้นก็คือ

  • คำพูดการันตีถึงความรักที่สุดซึ้งจากใจ (Words of Affirmation)

ให้ค่าคำยืนยันถึงความสัมพันธ์ เช่น ชอบได้ยินคำชม ได้ยินหรือชอบบอกรักบ่อยๆ ชอบฟังและชอบให้กำลังใจด้วยคำพูดซึ้งๆ

 

 

  • ช่วงเวลาคุณภาพที่ใช้ร่วมกัน (Quality Time)

มีความสุขเวลาคู่รักของเราตั้งใจแบ่งเวลาเพื่อมาอยู่กับเรา หรือมีเวลาที่ ‘พิเศษ’ ด้วยกัน หากคู่รักของเรายุ่ง แต่เมื่อไหร่ที่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ใส่ใจเราจริงๆ ไม่มานั่งเล่นมือถือ หรือทำอย่างอื่นที่ไม่สนใจเรา

 

 

  • การให้และการรับของขวัญที่มีค่าต่อใจ (Receiving Gifts)

เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่จับต้องได้ทันที ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะต้องราคาแพงเท่าไหร่หรอก แต่เป็นของขวัญพิเศษที่เลือกหรือสร้างมันจากใจ คิดมาอย่างดีแล้วว่า เธอต้องชอบแน่ๆ

 

 

  • การบริการด้วยความเป็นห่วงเป็นใย (Acts of Service)

ดีใจเวลาเห็นคู่รักของเราใส่ใจและพยายามจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นด้วยกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจเป็นขับรถมารับ กลับบ้านแล้วเอาผลไม้ใส่จานไว้ให้กินชื่นใจ ชงกาแฟให้ตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน นวดบ่าให้เวลาเหนื่อย

 

 

  • การสัมผัสที่ลึกซึ้ง (Physical Touch)

ไม่ว่าจะเป็นกอด หอม จับมือ ขดอยู่ใต้ผ้าห่มและสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาระหว่างดูหนังที่บ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ข้อนี้รวมไปถึงเซ็กส์ด้วย เป็นคนที่เชื่อว่า

ความสัมพันธ์ทางกายที่ใช่ ก็มีค่าเท่าๆ กับความสัมพันธ์ทางใจที่ใช่

 

 

‘พวกเราทุกคน อาจจะรู้สึก ใช่ กับภาษาทั้งห้านี้หมดแหละ แต่จะมีอยู่หนึ่งภาษาที่ ตรงใจ เรามากที่สุด’ ซันนี่ โมท่าเมดี้ (Sunny Motamedi) จิตแพทย์จากอเมริกาท่านหนึ่งกล่าว

‘ลองค่อยๆ ค้นหาภาษารักที่ทั้งเรา และคู่ของเราให้ค่าเป็นอันดับต้นๆ เพื่อสื่อสารภาษารักนั้นออกไปบ่อยๆ จะได้ตอบสนองความต้องการของทั้งสองฝ่าย เข้าใจกันและกันในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น และคอยอยู่เคียงข้างกันและกันในทุกช่วงเวลาของความสัมพันธ์นี้’

 

 

 

การทำความเข้าใจถึง ภาษารัก ของกันและกัน

อาจทำให้เรารับมือหลายกิจกรรมในความสัมพันธ์ได้ถูกจุดมากขึ้น

เช่น

 

การง้อ: หากเขาสังเกตได้ว่าเธอมีภาษารักคือ ‘คำพูดการันตีความรัก’ เขาก็จะรู้ว่า ทุกครั้งที่เธองอน หากเขาซื้อดอกไม้ไปง้อเธอ เธอจะไม่หายโกรธเร็วเท่าเขาพูดว่า

‘ผมขอโทษ รักคุณเสมอนะ’

หรือหากเธอสังเกตได้ว่าเขามีภาษารักคือ ‘ช่วงเวลาคุณภาพ’ เธอก็จะรู้ว่า ทุกครั้งที่เขาโกรธ การรีบเคลียร์และรับฟังสิ่งที่เขาอัดอั้นอยู่ในใจให้เร็วที่สุด จะได้ผลกว่า ‘การให้เวลาเขาได้อยู่นิ่งๆ เงียบๆ คนเดียว’ เยอะเลย

 

 

เซ็กส์: หากเขามีภาษารักคือ ‘คำพูดการันตีความรัก’ เธอก็จะรู้ว่า ทุกครั้งที่ภารกิจเสร็จ เขาจะอยากได้ยินให้ชื่นใจว่า ‘มันดีแค่ไหน’

หรือหากเธอมีภาษารักคือ ‘การสัมผัสที่ลึกซึ้ง’ เขาก็จะรู้ว่า เธอชอบที่จะให้เขานอนกอดเธอไปเรื่อยๆ มากกว่าต่างคนต่างแยกย้ายหันหน้าไปอีกทางนึงแล้วนอน

 

 

 

คอยสังเกตว่าคนรักและตัวของเราเอง มีความสุขล้นปรี่ หัวใจเต้นรัวจากพฤติกรรมไหนมากที่สุด

นี่ก็จะเป็นวิธีที่เราจะเอาใจแฟนเราได้ง่ายขึ้น

และแฟนของเราก็จะได้เข้าใจเรา อย่างลึกซึ้งขึ้นด้วยเหมือนกัน

อ้างอิง

https://www.mindbodygreen.com/articles/the-5-love-languages-explained

ติดตามบทความจากเพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้ทุกวันอังคาร บน LINE TODAY

ความเห็น 1
  • สกุลตรา พงษ์ศิริ
    ภาษาใจคนเรา
    15 ก.ย 2563 เวลา 01.31 น.
ดูทั้งหมด