พาณิชย์เร่งกระจายหน้ากากอนามัยขายร้านสะดวกซื้อ

กรมการค้าภายใน ระดมคนทุกหน่วยในกระทรวงพาณิชย์เร่งบรรจุ และกระจายหน้ากากอนามัยให้ถึงมือประชาชนทั่วประเทศ เน้นพื้นที่เสี่ยงระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 คาดว่าสามารถกระจายได้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านชิ้น ในเดือนมีนาคมนี้

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า จากการที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมการค้าภายใน จัดหาหน้ากากอนามัยให้กับชาวไทยอย่างทั่วถึง ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันการติดต่อของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาฯ หลังจากนั้นคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ประชุมด่วนและมีมติให้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย ณ กรมการค้าภายใน รวมทั้งสั่งการให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่าย แจ้งปริมาณการเก็บ สต๊อก ราคาซื้อ ราคาขาย ต้นทุนการผลิต ให้กรมการค้าภายในทราบ

โดยศูนย์ฯทำหน้าที่บริหารจัดการจัดลำดับ Priority กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้สูงสุด และกระจายไปยังทั่วประเทศแล้ว 6 ล้านชิ้น โดยจัดสรรให้องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาล จำนวน 3.8 ล้านชิ้น ร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ 1.4 ล้านชิ้น การบินไทย 2.8 แสนชิ้น สมาคมร้านขายยา 2 แสนชิ้น รวมทั้งเดือน ก.พ. 2563 คาดว่าไม่น้อยกว่า 10 ล้านชิ้น สำหรับในเดือน มี.ค. 2563 จะมีหน้ากากอนามัยเข้ามาในศูนย์ฯ อีกไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้ทั่วถึง

กรมการค้าภายในได้มีช่องทางการกระจายหน้ากากอนามัยถึงประชาชนทั่วประเทศ ในทุกช่องทาง เช่น การจำหน่ายทุกวัน ณ กระทรวงพาณิชย์ กระจายผ่านร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพทุกอำเภอทั่วประเทศ กว่า 1,198 แห่ง 7- eleven Mini Big C และ Lotus Express รวมกว่า 10,000 สาขา โดยจัดจำหน่าย ในราคา ชิ้นละ 2.50 บาท รวมกว่า 2.1 ล้านชิ้น ในราคาเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ กรมฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรและฝ่าฝืนประกาศ ที่ กกร. กำหนด อย่างจริงจังและเด็ดขาด 

ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมายหมายแล้ว จำนวน 48 รายแบ่งเป็นส่วนกลาง 39 ราย ต่างจังหวัด 9 ราย สำหรับเรื่องการแจ้งปริมาณการครอบครองหน้ากากอนามัย มีผู้แจ้งตามกำหนดแล้ว จำนวน 83 ราย ปริมาณ 29.45 ล้านชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันมีหน้ากากอนามัยสามารถกระจายเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น สำหรับผู้ใดพบว่าร้านค้าขายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร หรือปฏิเสธการขาย สามารถแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ซึ่งกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินคดี ตามกฎหมาย โดยโทษสูงสุด จำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท