จากกรณีที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ได้เดินทางไปเยี่ยมโรงงานผลิต แร่แรร์เอิร์ธ (Rare-earth) ที่มณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแร่ดังกล่าวที่สำคัญของประเทศ และจีนยังเป็นผู้ผลิตในสัดส่วนถึง 90% ของทั้งโลก พร้อมทั้งส่งสัญญาณไปถึง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เริ่มตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับหัวเว่ย ด้วยการขู่ไม่ส่งแร่ผลิตชิปให้กับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทเกี่ยวกับ “แร่แรร์เอิร์ธ” นั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเพราะการคว่ำบาตรหัวเว่ยในปีนี้ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถย้อนกลับได้ถึง 7 ปีก่อน โดยจากข้อมูลของ ศูนย์บริการข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข้อมูลเรื่อง “สหรัฐฯ ร้อง WTO กรณีจีนจำกัดการส่งออกแร่ที่มีธาตุโลหะหายาก” เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยระบุว่า…
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 รัฐบาลสหรัฐฯได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ในกรณีที่จีนกำหนดโควต้าส่งออกแร่ที่มีธาตุโลหะหายาก หรือ rare-earth minerals ซึ่งเป็นแร่ที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์จอแบน รวมไปถึงขีปนาวุธ เนื่องจากสหรัฐฯเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขวางกลไกตลาด และละเมิดกฎเกณฑ์ของ WTO ทั้งนี้ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่นก็ได้ให้การสนับสนุนการฟ้องร้องดังกล่าวด้วย
สหรัฐอเมริกาต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลจีนผ่อนคลายการกำหนดโควต้าการส่งออกแร่ดังกล่าว โดยสหรัฐฯ กล่าวหาว่าการจำกัดโควต้าการส่งออกทำให้ราคาแร่ในตลาดพุ่งตัวสูงขึ้นอย่างมาก จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีประเทศที่นำเข้าแร่ดังกล่าวจากจีน เนื่องจากการที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทำให้จีนได้เปรียบคู่แข่งจากต่างชาติ เพราะจีนสามารถผลิตสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าประเทศที่นำเข้าวัตถุดิบจากจีน และอาจจะเป็นการกดดันให้บริษัทที่ผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงย้ายฐานการผลิตไปยังจีน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาชี้แจงว่า การกำหนดโควต้าส่งออกแร่ที่มีธาตุโลหะหายากดังกล่าวเป็นนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการขยายอุตสาหกรรมเหมืองแร่จนกระทบกับปริมาณของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ทั้งยังให้ความเห็นว่า สหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ควรจะเพิ่มการผลิตแร่ดังกล่าวภายในประเทศตนเองด้วย
จีนนับเป็นผู้ส่งออกแร่ที่มีธาตุโลหะหายากรายใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นกว่าร้อยละ 95 ของตลาดโลก อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ มีแร่ดังกล่าวอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองของจีน แต่การทำเหมืองแร่ในสหรัฐฯ ถูกปิดลงเนื่องจากกฎหมายที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมและราคานำเข้าจากจีนที่ถูกกว่าการผลิตในสหรัฐฯ นั่นเอง
Jaroenpon จีนดูจริงใจกว่า
20 พ.ค. 2562 เวลา 16.04 น.
. ผลประโยชน์ข้าใครอย่าแตะ เที่ยวไปหาเรื่องข้ามโลกไปทั่ว ทีของตัวเองน้ำมันไม่ขุด เหมืองแร่ไม่ทำ ละทำเป็นนักเลงโต
20 พ.ค. 2562 เวลา 16.59 น.
พัฒน์ AIG 🇹🇭 เอาแม่งเลยกูสนับสนุน1เสียงเต็มที่ สั่งสอนมันสะบ้างจะได้เลิกกร่างว่ากูประเทศมหาอำนาจกูจะทำให้ใครเดือดร้อนกูไม่ผิด ขอประโยคเดียวเลย จวยเอ่ย
20 พ.ค. 2562 เวลา 16.52 น.
Tanawat อเมริกาเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้จีน
จะคบใครเลือกเอา
20 พ.ค. 2562 เวลา 16.46 น.
กะเพา จีนไม่ต้องกลัว ยังไง ไทยก็ เข้าข้าง จีน นึกถึงไทย นึกถึงทุเรียน ออเดอร์เยอะๆ นะครับ
20 พ.ค. 2562 เวลา 18.35 น.
ดูทั้งหมด