เคยสังเกตไหมว่า หลังชื่อพระนามของกษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยพระสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ มีเพียงบางพระองค์เท่านั้นมีลงท้ายว่า“มหาราช”ทำไมบางพระองค์ถึงลงท้ายเช่นนั้น คำว่า “มหาราช” เป็นคำที่ประชาชนถวายแด่พระมหากษัตรย์ผู้ทรงประกอบด้วยทศพิธราชธรรมและมีพระราชกรณียกิจนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างใหญ่หลวงในทุกๆ ด้าน ซึ่งในประเทศไทยมีกษัตริย์ที่พระนามลงท้ายด้วย “มหาราช” จำนวน 8 พระองค์ ซึ่งในวันนี้ทางBAABINได้รวมมาให้ทราบกัน ! 1. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อยู่ในราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุขโทัย ทรงขยายและรวบรวมอาณาจักรอย่างกว้างขวาง ปกครองประชาราษฎร์ในระบบปิตุราชาธิปไตย หรือ “พ่อปกครองลูก” อีกทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย ทำให้ชาติไทยมีอักษรใช้เป็นของตนเอง มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงถือเป็นยุคที่เมืองสุโขทัยเฟืองฟูและเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก
2. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เราคุ้นเคยพระนามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในด้านของการกอบกู้เอกราชของชาติไทย หลังจากที่เสียกรุงอยุธยาครั้งที่ 1 พระนามเดิมของพระองค์คือ “พระองค์ดำ” เป็นกษัตริย์ลำดับที่ 19 แห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระปรีชาสามารถในการรบเป็นอย่างมาก ทรงทำการศึกสงครามและชนะข้าศึกหลายครั้ง ครั้งสำคัญที่สุดคือ พระองค์ทรงชนช้างกระทำยุทธหัตถี และทรงฟันพระมหาอุปราชสิ้นบนคอช้าง ตั้งแต่นั้นมา พม่าก็เลิกยกทัพมารุกรานประเทศไทย
3. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ทรงสร้างความรุ่งเรืองและความยิ่งใหญ่แก่กรุงศรีอยุธยาอย่างมาก ทั้งในด้านการรบ การต่างประเทศ และในด้านวรรณกรรม พระองค์ทรงส่งเสริมงานด้านวรรณกรรม จนทำให้มีกวีที่มีชื่อเสียงหลายคนในยุคนี้ เช่น พระโหราธิบดี, ศรีปราชญ์ เป็นต้น นับเป็นยุคทองแห่งวรรณคดีก็ว่าได้
4. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์คือ การกอบกู้เอกราชจากพม่า หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และทรงทำการรบตลอดรัชสมัยเพื่อรวบรวมแผ่นดินที่แตกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้เป็นปึกแผ่น และทรงสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่ของประเทศไทย นอกจากนี้พระองค์ยังฟื้นฟูประเทศด้านต่างๆ หลังสงคราม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ศาสนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม
5. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือ รัชกาลที่ 1 เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งนครและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับในการด้านรบ พระองค์เป็นแม่ทัพทำราชการสงครามกับทั้งพม่า เขมร และลาว ทรงเป็นผู้นำทัพในการทำสงครามทั้งหมด 7 ครั้งในรัชสมัยของพระองค์ นอกจากนี้ยังทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยอันเป็นมรดกตกทอดตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา และสิ่งที่สำคัญที่สุด พระองค์ได้พระราชทานนามแก่กรุงรัตนโกสินทร์อันเป็นชื่อที่รู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้ว่า “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยะวิษณุกรรมประสิทธิ์“
6. สมเด็จพระปิยมหาราช (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์พระองค์หนึ่ง ผู้ทรงพระปรีชาสามารถและเป็นที่รักของพสกนิกร มีพระราชกรณียกิจที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติมากมาย เช่น ระบบการใช้ธนบัตรและเหรียญ การสร้างรถไฟ การสื่อสาร ไฟฟ้า การคมนาคม ทรงดูแลการศาสนาและการศึกษา แต่พระราชกรณียกิจที่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใมีการเลิกทาสและไพร่ในประเทศไทย
สำหรับพระราชสมัญญานามว่า “ปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก
7. สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจหลายสาขา ทั้งการเมือง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ รวมทั้งด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร ประวัติศาสตร์ สารคดี และอื่นๆ อีกหลายประเภท และยังทรงสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงหรือ วชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบันขึ้นด้วย เนื่องจากพระองค์มีพระอัจฉริยภาพในด้านอักษรศาสตร์ ประกอบกับพระราชกรณียกิจอื่นๆ ที่เป็นคุณประโยชน์แก่ประชาชน จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ซึ่งหมายถึง มหาราชผู้เป็นจอมปราชญ์
8. สมเด็จพระภัทรมหาราช (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระปรีชาสามารถในทุกแขนง ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ มีโครงการพระราชดำริ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำเพื่อพสกนิกรของท่านให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร การชลประทาน การสาธารณสุข นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก และครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกถึง 70 ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกและพระองค์เดียวของโลก ที่ได้รับการถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ในการประดิษฐ์คิดค้น สร้างสรรค์ และพัฒนาเทคโนโลยีของไทยมาใช้เอง พระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระภัทรมหาราช” มีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง”
ถ้าได้อ่านประวัติศาสตร์ชาติไทยพร้อมกับศึกษาธรรมะไปด้วยเราจะได้รู้ซึ้งถึงพระคุณของพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์อย่างลึกซึ้ง
24 ต.ค. 2559 เวลา 05.54 น.
ขอโทษนะครับ มี 8 หรือ 7 พระองค์
24 ต.ค. 2559 เวลา 10.19 น.
Thirawat พระองค์ที่ได้รับสมัญญานาม มหาราชพระองค์ล่าสุด คือ พระบาทสมเด็จปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระสยามเทวมหามงกุฎวิทยมหาราช ครับ ไม่ใช่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
27 ม.ค. 2563 เวลา 16.03 น.
18 พิสิฏฐ์พล 508 สุดยอด
13 พ.ย. 2561 เวลา 10.02 น.
ดูทั้งหมด