ข่าวดี "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" เซ็นสัญญานำเข้า "วัคซีนโมเดอร์นา" จำนวน 8 ล้านโดส คาด ทยอยจัดส่งไตรมาสแรกปี 2565
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ แซดพี เทอราพิวติกส์ (ZP Therapeutics) หน่วยธุรกิจภายใต้ ซิลลิค ฟาร์มา ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำในเอเชีย ในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา (Covid-19
Vaccine Moderna) จำนวน 8 ล้านโดส (100 ไมโครกรัม/โดส) สำหรับการใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับประชาชนในปีหน้า โดยจะจัดสรรวัคซีนผ่านองค์กรนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ ตามนโยบายข้อกำหนดของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คาดว่า การจัดส่งครั้งแรกจะส่งมอบได้ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2565 และจะทยอยส่งจนถึงไตรมาสที่สาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยื่นทบทวนสิทธิ ม.39 ม.40 กลุ่มตกหล่น 29 จังหวัด ได้ถึงเมื่อไหร่ เช็กเลยที่นี่
- เช็กเงื่อนไข "กองทุนประกันสังคม" ทั้ง 3 มาตรา ได้รับสิทธิแตกต่างกันอย่างไร
- รวมธนาคาร "ปล่อยสินเชื่อ" เงินกู้โควิด เงื่อนไขแบงก์ไหนเข้าตา เช็กเลย
- เช็กจุด "จองวัคซีน Moderna" มีที่ไหนบ้าง อัปเดตที่นี่ เด็ก 12-17 ปี จองได้แล้ว
- พร้อมแล้ว "วัคซีนใบยา" ดีเดย์ ทดลองฉีดในคนระยะ 1 สิ้น ก.ย. นี้
ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นหนึ่งใน 5 หน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าวัคซีนโควิด-19 ตามประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และได้ทำงานอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องกับหน่วยงาน
ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสนับสนุนภารกิจสำคัญในการยับยั้ง และลดการแพร่ระบาดของโรค ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือการช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ได้โดยเร็วที่สุด ผ่านการนำเข้า จัดสรร และกระจายวัคซีนตัวเลือกไปสู่กลุ่มองค์กรนิติบุคคล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานพยาบาล เพื่อกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มเปราะบาง และผู้ด้อยโอกาสทั่วทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้มุ่งเน้นด้านการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างเป็นระบบอีกด้วย
ศ.นพ.นิธิ กล่าวเพิ่มเติมว่าวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา ที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ลงนามสัญญานำเข้ามาเป็นวัคซีนตัวเลือกชนิดที่ 2 โดยเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ
จากการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 3 สูงถึง 94.1% อาการข้างเคียงอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง การแพ้รุนแรง พบประมาณ 2.5 ราย ต่อ 1 ล้านโดส หรือรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบของวัคซีนชนิด mRNA พบได้น้อย อยู่ที่ 12 ราย ต่อ 1 ล้านโดสในประเทศสหรัฐอเมริกา และส่วนมากสามารถรักษาได้ นอกจากนี้ ผลการศึกษาเบื้องต้นของการใช้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา เป็นเข็มกระตุ้น (Booster Dose ปริมาณขนาด 50 ไมโครกรัม) ต่อสายพันธุ์เบต้า แกมม่า และเดลต้า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงถึง 32 เท่า, 43.6 เท่า และ 42.3 เท่า ตามลำดับ
ส่วนการวิจัยในประเทศไทย ทางราชวิทยาลัยฯ จะทำควบคู่กันไป เพื่อยืนยันผลกระตุ้นอย่างเป็นระบบ ในสภาพแวดล้อมของประเทศตั้งแต่ปลายปีนี้ ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีแผนที่จะจัดสรรและกระจายวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา ให้แก่กลุ่มองค์กรนิติบุคคล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถานพยาบาล ตลอดจนกลุ่มเปราะบางทางสังคม ที่เคยได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม จากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นกลุ่มแรกก่อน เนื่องจากประชาชนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เป็นต้นมา โดยเป็นทางเลือกอีกตัวหนึ่ง ที่จะใช้วัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และฉีดเพียง 1 เข็ม (ปริมาณ 50 ไมโครกรัม) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งจัดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น โดยจะเปิดให้องค์กรนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ ได้ยื่นจองขอรับการจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นา ในช่วงเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการกำหนดราคาขาย พร้อมประกันภัยคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ในราคาเดียวกันทั่วประเทศต่อไป และคาดว่า การจัดส่งครั้งแรกจะส่งมอบวัคซีนได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคมปีหน้า
สำหรับความร่วมมือกับ ซิลลิค ฟาร์มา ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญ และความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึง เพื่อช่วยให้ประชาชนได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุด และขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ
แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม