ไลฟ์สไตล์

13 ความหมายของ ดอกไม้บูชาพระ พร้อมวิธีปลูกในรั้วบ้าน

MThai.com
เผยแพร่ 19 ก.พ. 2562 เวลา 01.00 น.
ทั้ง 13 ต้นเหมาะกับสภาพอากาศในไทยอยู่แล้ว เพียงแต่เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณเท่านั้นเอง

ดอกไม้บูชาพระ โดยมากมักเป็นดอกไม้ที่พบได้ทั่วไปแต่ปัจจุบันมักใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงมากมายเพื่อให้ดอกดก สวยงาม อยู่ได้นานๆ แต่ก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ทั้งเป็นการทำลายสุขภาพของเราและทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งดิน ทั้งแหล่งน้ำ เมื่อเรานำมาถวายพระบูชา ถึงแม้จะสวยงามก็จริง แต่เราก็ได้นำสารเคมีติดมาในบ้านเราด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากเราปลูกไว้ประดับบ้านเราเองเพื่อความสวยงาม และ สามารถเก็บมาถวายพระในวันพระ หรือวันสำคัญทางศาสนาวันต่างๆ ได้อีกด้วย ไม่ต้องไปหาซื้อดอกไม้ที่เราไม่รู้แหล่งที่มา และการปลูกเองนอกจากเป็นการประหยัดแล้ว ยังซื้อสุขภาพเราได้ในระยะยาว ลองมาดูความหมายของดอกไม้บูชาพระทั้ง 13 ต้น จากอ.แพธ พร้อมๆ กับวิธีปลูกต้นไม้เหล่านี้กันค่ะ

คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดูวีดีโอ
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดูวีดีโอ

ชาวพุทธเราเชื่อกันว่า การถวายของหอมบ่อยๆ ก็จะมีรูปลักษณ์ที่สวย ถ้าถวายดอกไม้ช้ำๆ ก็จะส่งผลให้ชีวิตขาดๆ เกินๆ รูปลักษณ์ไม่งดงาม

13 ความหมายของ ดอกไม้บูชาพระ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พร้อมวิธีปลูกในรั้วบ้าน

ดอกบานไม่รู้โรย ส่งเสริมความรัก ช่วยให้คู่รักผูกพันมั่นคง การปลูกบานไม่รู้โรยด้วยการเพาะเมล็ด เป็นวิธีง่ายและสะดวกที่สุด เมล็ดบานไม่รู้โรย มีเปลือกหุ้มหนา ดังนั้นก่อนเพาะควรแช่น้ำประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ เปลือกหุ้มเมล็ดดูดน้ำจนชุ่มเสียก่อน แล้วจึงนำไปเพาะในกระบะเพาะ ที่มีเถ้าแกลบผสมทรายอัตราส่วน 4 : 1 รดน้ำ พอชุ่มทุกวันเมล็ด จะงอกภายใน 7-10 วัน พอกล้าเริ่มมีใบจริง 1-2 คู่ ก็ย้ายไปปลูกในแปลง ระยะปลูก ใช้ระยะ 30 x 30 เซนติเมตร หรือ 40 x 40 เซนติเมตร โดยปลูกหลุมละ 1 ต้น การให้ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 10 กรัม/ต้น เดือนละครั้ง โดยครั้งแรกใส่หลังจากย้ายมาปลูกในแปลงประมาณ 1 สัปดาห์ การให้น้ำ บานไม่รู้โรยทนแล้งได้ดี สามารถให้น้ำสัปดาห์ละครั้งหรือถ้าปลูกในดินทรายควรให้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเวลาที่เหมาะสม ในการให้น้ำคือ เวลาในช่วงเช้าเพื่อลดการระบาดของเชื้อรา การเด็ดยอด เพื่อให้บานไม่รู้โรยแตกกิ่งก้านจำนวนมาก แนะนำให้เด็ดยอดเมื่อต้นมีความสูงประมาณ 8-10 นิ้ว ยอดที่เด็ดออกควรยาว ประมาณ 0.5-1 นิ้ว การแตกกิ่งก้านมากจะเป็นการเพิ่มปริมาณดอกมากขึ้นด้วย
ดอกบัว พบแต่ความสำเร็จ อุปกรณ์ - กระถางบัว ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี - ดินเหนียว ขึ้นกับขนาดของกระถาง - ปุ๋ยเม็ด ต้องซื้อเผื่อติดไว้ที่บ้าน - สุดท้ายก็คือ ต้นบัว แล้วแต่ชอบว่า พันธุ์ไหน สีแบบไหน - น้ำสะอาด - ปลาหางนกยูง สำหรับกินลูกน้ำ วิธีปลูก -ใส่ดินเหนียวที่ก้นกระถาง หนาสัก 3-5 นิ้วขึ้นไป - นำต้นบัว วางบนดินในกระถาง กดให้แน่นพอสมควร แต่อย่าแรงมาก เดี๋ยวรากมีปัญหา - ใส่ปุ๋ยชนิดเม็ด ฝังในดินเหนียวสัก 2- 4 เม็ด - ใส่น้ำ ให้เต็ม วิธีการดูแลบัว เพื่อให้ดอกงาม - บัวตัองการแสงแดด หากปลูกในที่ร่ม ดอกอาจไม่โต - ช้อนสาหร่ายที่อยู่ใต้น้ำออกทุกสัปดาห์ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้บัวไม่เจริญเติบโต - ใส่ปุ๋ยสัก 1-2 สัปดาห์ /ครั้ง  แต่เดี๋ยวนี้มีปุ๋ยประเภทเป็นลูกกลมๆ ใส่ลงกระถางบัวได้เลย ไม่ต้องกด - ถ้าเป็นไปได้ เปลี่ยนน้ำทุกๆ สัปดาห์  หรืออย่างน้อยสักเดือนละ 1-2 ครั้ง - เติมดินบ้าง เพื่อให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น - เทคนิคที่ช่วยเบาแรงไม่ต้องช้อนสาหร่ายทิ้งทุกสัปดาห์ คือ ใส่ด่างทับทิมลงไปเพื่อฆ่าสาหร่ายในน้ำ แถมยังช่วยเลี้ยงปลาได้ด้วย
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดอกดาวเรือง ส่งเสริมพบความรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า วิธีปลูกดาวเรือง 1.เตรียมกระถางใส่ดินลงไป และรดน้ำให้ดินชุ่มชื่นทิ้งไว้ 1 คืน 2.นำต้นกล้าที่มีอายุ 7-10 วัน ( นับจากวันเพาะเมล็ด ) โดยแยกต้นกล้าให้มีวัสดุเพาะ หรือดินหุ้มติดรากมาด้วย เพื่อป้องกันรากกระทบกระเทือน นำมาปลูกในแต่ละหลุม แต่ละกระถาง ที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม 3. รดน้ำดาวเรืองอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์แรกควรรดน้ำเช้า – เย็น จากนั้น สัปดาห์ต่อไป รดน้ำเช้า หรือเย็นอย่างเดียวได้ค่ะ 4.เมื่อดาวเรืองอายุ 15 – 25 วัน ใส่ปุ๋ยลงไป และก็รอให้ต้นดาวเรืองออกดอก ก็สามารถตัดดอกไปใส่ในกระถางประดับบ้านให้สวยงามได้แล้วค่ะ
ดอกจำปา จะเจริญรุ่งเรือง นำโชคลาภมาให้ จำปา นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เนื่องจากการติดเมล็ดง่ายและมีจำนวนมาก ในปัจจุบันมีการขยายพันธุ์โดยการตอนอีกด้วย เพราะว่าจะได้ต้นที่เจริญเติบโตเร็วกว่าการเพาะเมล็ด แต่ยังไม่นิยมทำกันมากนัก เพราะจำปาจะออกรากยาก เมื่อเราจะตอน จะต้องเตือนกิ่งทิ้งไว้ก่อน จึงจะทำการตอนได้ วิธีปลูก การเตรียมดิน โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว จะทำการยกร่องแล้วปลูกบนร่อง ถ้าหากสภาพพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงก็ไม่จำเป็นต้องยกร่องปลูก หลังจากนั้นทำการเตรียมดินโดยการขุดไถพรวนดิน ใส่ปูนขาว ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ทำการขุดหลุมปลูกโดยใช้ระยะปลูก 4 x 6 เมตร ขนาดของหลุม 1 x 1 x 1 เมตร แล้วนำปุ๋ยคอกประมาณ 1 บุ้งกี๋และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมคลุกเคล้ากับดินที่ขุดขึ้นมาให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงไปในหลุม ก่อนที่จะนำต้นมาปลูกต่อไป นอกจากนี้อาจมีการนำเอาเศษกระดูกสัตว์จากโรงงาน มาใส่ในหลุมปลูกด้วย เพื่อช่วยให้ออกดอกมากขึ้น ขั้นตอนการปลูก นำต้นกล้าจากที่เตรียมเองหรือซื้อมาจากสวนเกษตรกรหรือสวนจตุจักร โดยจำปี-จำปา ราคาต้นละ 50-100 บาท มาปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ หลังจากปลูกแล้วควรรดน้ำทุกวันจนกว่าจะตั้งตัวได้ ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมคือ เดือนตุลาคม-ธันวาคม แต่อาจจะปลูกเดือนมีนาคม-เมษายน เพื่อที่ว่าพฤษภาคม ซึ่งเริ่มเข้าฤดูฝนทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีอีกเช่นกัน การให้น้ำ จำปี-จำปา เป็นไม้ที่ชอบน้ำมาก แต่อย่าให้น้ำขัง จึงจำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งมาก ๆ อาจต้องรดวันละ 2 ครั้ง ก็ได้ ถ้าให้น้ำไม่เพียงพอจะให้ดอกน้อยลง
ดอกจำปี ชีวิตรุ่งเรือง หน้าที่การงานก้าวหน้า จำปี นิยมใช้วิธีตอนกิ่ง โดยจะทำการตอนในช่วงฤดูฝนเพราะจะออกรากดีที่สุด ในฤดูอื่นไม่นิยมการตอนกิ่งเลย ส่วนการเพาะเมล็ดจะไม่นิยมทำกันเพราะการติดเมล็ดยากกว่าจำปา จำปา นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เนื่องจากการติดเมล็ดง่ายและมีจำนวนมาก ในปัจจุบันมีการขยายพันธุ์โดยการตอนอีกด้วย เพราะว่าจะได้ต้นที่เจริญเติบโตเร็วกว่าการเพาะเมล็ด แต่ยังไม่นิยมทำกันมากนัก เพราะจำปาจะออกรากยาก เมื่อเราจะตอน จะต้องเตือนกิ่งทิ้งไว้ก่อน จึงจะทำการตอนได้ วิธีปลูก การเตรียมดิน โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว จะทำการยกร่องแล้วปลูกบนร่อง ถ้าหากสภาพพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงก็ไม่จำเป็นต้องยกร่องปลูก หลังจากนั้นทำการเตรียมดินโดยการขุดไถพรวนดิน ใส่ปูนขาว ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ทำการขุดหลุมปลูกโดยใช้ระยะปลูก 4 x 6 เมตร ขนาดของหลุม 1 x 1 x 1 เมตร แล้วนำปุ๋ยคอกประมาณ 1 บุ้งกี๋และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมคลุกเคล้ากับดินที่ขุดขึ้นมาให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงไปในหลุม ก่อนที่จะนำต้นมาปลูกต่อไป นอกจากนี้อาจมีการนำเอาเศษกระดูกสัตว์จากโรงงาน มาใส่ในหลุมปลูกด้วย เพื่อช่วยให้ออกดอกมากขึ้น ขั้นตอนการปลูก นำต้นกล้าจากที่เตรียมเองหรือซื้อมาจากสวนเกษตรกรหรือสวนจตุจักร โดยจำปี-จำปา ราคาต้นละ 50-100 บาท มาปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ หลังจากปลูกแล้วควรรดน้ำทุกวันจนกว่าจะตั้งตัวได้ ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมคือ เดือนตุลาคม-ธันวาคม แต่อาจจะปลูกเดือนมีนาคม-เมษายน เพื่อที่ว่าพฤษภาคม ซึ่งเริ่มเข้าฤดูฝนทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีอีกเช่นกัน การให้น้ำ จำปี-จำปา เป็นไม้ที่ชอบน้ำมาก แต่อย่าให้น้ำขัง จึงจำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งมาก ๆ อาจต้องรดวันละ 2 ครั้ง ก็ได้ ถ้าให้น้ำไม่เพียงพอจะให้ดอกน้อยลง
ดอกรัก พบความรักที่เปี่ยมไปด้วยความสุข วิธีการปลูกดอกรัก พันธุ์ที่นิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดคือ ดอกรักสีขาวพันธุ์ “จิ้งจก” ซึ่งลักษณะของดอกตูมจะดูคล้ายกับปากจิ้งจก ดอกมีสีขาวใส มันวาว ทรงดอกยาวใหญ่ และมีน้ำหนักคล้ายกับดอกรักที่ทำมาจากพลาสติก สามารถปลูกได้โดยการเพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง แต่ที่นิยมคือการปักชำด้วยกิ่ง ดอกรักไม่ชอบน้ำมาก ชอบที่ดอนที่ค่อนข้างแห้ง ระยะเวลาเติบโตจนออกดอกประมาณ 8 เดือน
ดอกพุดตาน ทำให้มียศถาบรรดาศักดิ์  จัดเป็นพืชไม้พุ่มขนาดกลาง มีขนตามลำต้น กิ่ง และใบ ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยวคล้ายใบฝ้าย ดอกมีลักษณะคล้ายดอกชบาซ้อน หรือกุหลาบ สามารถเปลี่ยนสีของดอกได้หลายสีภายในวันเดียวกัน การดูแลรักษา: ชอบอยู่ตามที่ดอนกลางแจ้ง แสงแดดจัด ไม่ชอบที่แฉะหรือมีน้ำขัง ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง การขยายพันธุ์: ตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง
ดอกกุหลาบ จะทำให้มีเสน่ห์แก่ผู้ที่พบเห็น วิธีปลูกกุหลาบอย่างง่ายๆ มี 2 วิธีที่เราแนะนำ คือ 1. การปักชำ วิธีการปักชำที่นิยมทำอยู่ทั่วไปคือ เลือกกิ่งกุหลาบที่ไม่แก่และไม่อ่อน จนเกินไปนำมาตัดเป็นท่อนประมาณ 12-15 เซนติเมตร หรือ 1 คืบ รอยตัดต้อง อยู่ใต้ข้อพอดีแล้วตัดใบตรงโคนกิ่งออก จากนั้นเฉือนโคนทิ้ง แล้วจุ่มโคนกิ่งตัดชำนี้ ในฮอร์โมนเร่งราก เซ่น เซอราดิกส์ เบอร์ 2 (เพื่อช่วยเร่งให้ออกรากเร็วขึ้น) แล้วผึ่ง ให้แห้งนำไปปักชำในแปลงพ่นหมอกกลางแจ้ง ถ้าไม่มีแปลงพ่นหมอกก็ใช้เครื่องพ่นน้ำรดสนามหญ้าก็ได้แล้วให้น้ำเป็นระยะ ๆ ตามความจำเป็น โดยมีหลักว่าอย่า ให้ใบกุหลาบแห้ง กิ่งกุหลาบจะออกรากใน 12-15 วัน แล้วแต่พันธุ์ การชำกิ่งนี้ นิยมทำกันมากในปัจจุบันเพราะได้จำนวนต้นมากในระยะเวลาสั้นเสียค่าใช้จ่าย น้อยแต่กิ่งชำนี้เมื่อนำไปปลูกต้นจะโทรมเร็วภายใน 3- 4 ปี 2. การตอน กิ่งที่ใช้ตอนมักมาจากกิ่งที่มีสภาพแตกต่างกันทั้งกิ่งอ่อนและกิ่งแก่ คละกันไปทำให้การเจริญเติบโตของต้นกุหลาบหลังลงแปลงปลูกในแปลงไม่สม่ำเสมอ ซึ่งการตอนนี้จะใช้เวลาในการเกิดรากนานประมาณ 4-7 สัปดาห์ ทั้งนี้ แล้วแต่ พันธุ์ที่จะใช้ตอน การดูแลรักษา การให้น้ำ ให้น้ำระบบน้ำหยด หรือใช้หัวพ่นน้ำระหว่างแถวปลูก อาจให้ทุกวัน วันเว้นวัน หรือ 2-3 วันต่อครั้ง แล้วแต่สภาพการอุ้มน้ำของดิน อย่ารดน้ำให้ดินแฉะตลอดเวลา ควรให้ดินมีโอกาสระบายน้ำ และมีอากาศเข้าไปแทนที่บ้าง
ดอกพุด เจริญแข็งแรง มั่นคง วิธีปลูกดอกพุด นิยมปลูกในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยหมัก: ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก ถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรืออาคาร ควรปลูกให้มีระยะหย่างที่เหมาะสม เพราะ พุดเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่ แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง ชอบดินร่วนซุย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2 -.3 กิโลกรัม / ต้น ควรใส่อย่างน้อยปีละ 2 - 3 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 200-300 กรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกแก้ว จิตใจแจ่มใส เบิกบาน การปลูกต้นแก้ว สามารถแบ่งเป็น 2 วิธี การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวก็ได้และสามารถตัดแต่งบังคับทรงพุ่มได้ตามความต้องการของผู้ปลูก การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 1 - 2 ปี/ ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
ดอกมะลิ พบแต่ความสุข สดชื่น บริสุทธิ์ วิธีปลูกมะลิอย่างง่ายๆ และ สะดวกรวดเร็วที่สุด สามารถปลูกได้ด้วยการปักชำ โดยใช้ทรายผสมขี้เถ้าแกลบ ใส่ในถุงเพาะหรือตะกร้า จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม เลือกกิ่งพันธุ์ที่จะเพาะควรเป็นกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน ตัดให้มีความยาว 1 คืบมือ หรือมีข้ออย่างน้อย 2 ข้อ ปลิดใบส่วนล่างออกให้เหลือใบคู่บนสุด 1 คู่ ตัดใบออกให้เหลือเพียงครึ่งใบเพื่อลดการคายน้ำ นำกิ่งมะลิที่เตรียมไว้ปักชำลงในถุงเพาะหรือตะกร้า จากนั้นรดน้ำและสารกันเชื้อรา รักษาความชื้นให้เหมาะสม จนแข็งแรงนำไปปลูกได้ ทั้งนี้มะลิชอบแดด และดินต้องระบายน้ำได้ดี โดยรดน้ำ 3 - 4 วัน /ครั้ง ข้อควรระวัง ต้นมะลิโดยมากจะตายเพราะดินเป็นเชื้อรา จึงควรระวังเรื่องดิน ต้องระบายน้ำได้ดี และ ไม่เหมาะจะใช้ปุ๋ยคอกที่ทำจากมูลสัตว์ เนื่องจากจะเร่งให้ดินเป็นเชื้อราได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มะลิตาย
ดอกเข็ม สติปัญญาจะเฉียบคม ต้นเข็ม นั้นจะนิยมปลูก 2 แบบ คือการปลูกในกระถาง และการปลูกลงดินเพื่อประดับสวนหรือปลูกตามแนวรั้ว โดยถ้าเป็นการปลูกในกระถางควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 8-12 นิ้ว โดยใช้ดินร่วนผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก และแกลบผุในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน แต่เมื่อต้นโตขึ้นควรเปลี่ยนกระถางและเปลี่ยนดินเพื่อให้มีความพอเหมาะพอดีกับต้นเข็มที่เจริญเติบโตขึ้น แต่ถ้าเป็นการปลูกลงดินควรขุดดินให้ลึกประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร โดยใช้ดินร่วน 1 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2 ส่วน ผสมกับดินปลูก แต่ถ้าจะปลูกเป็นแนวรั้วให้ปลูกต้นเข็มใหติดๆ กัน เพื่อให้มันจับกลุ่มกันนั่นเอง ในการดูแลรักษาต้นเข็มนั้นมันต้องการน้ำแค่เพียงปานกลาง หรือให้รดน้ำสัปดาห์ละ 3-5 ครั้งก็เพียงพอ แต่มันเป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัดจึงควรปลูกไว้กลางแจ้ง เพราะถ้าปลูกไว้ในที่ร่มจะทำให้มันไม่ออกดอกหรือออกดอกน้อย ส่วนการใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น โดยควรใส่ 5-6 ครั้ง/ปี
ดอกกล้วยไม้ พบมิตรภาพที่งดงาม วิธีการปลูก การล้างลูกกล้วยไม้ คือการล้างลูกกล้วยไม้จากการเพาะเนื้อเยื่อออกจากขวดเพาะแล้วล้างให้หมดเศษวุ้นอาหาร นำจุ่มลงในน้ำยานาตริฟินในอัตราส่วนน้ำยา 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 2,000 ส่วน แล้วนำไปผึ่งให้แห้งในที่ร่ม แยกลูกกล้วยไม้ออกเป็น 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่พอจะปลูกลงในกระถางนิ้ว การปลูกลูกกล้วยไม้ขนาดเล็ก ลูกกล้วยไม้ขนาดเล็กให้ปลูกในกระถางหมู่หรือกระถางดินเผาทรงสูงขนาด 4-6 นิ้ว รองก้นกระถางด้วยถ่านขนาดประมาณ 1 นิ้ว สูงจนเกือบถึงขอบล่างของกระถาง แล้วโรยทับด้วยออสมันด้าหนาประมาณ 1 นิ้ว ให้ระดับออสมันด้าต่ำกว่าขอบกระถางประมาณครึ่งนิ้ว ใช้มือข้างหนึ่งจับไม้กลมๆ เจาะผิวหน้าออสมันด้าในกระถางให้เป็นรูลึกและกว้างพอสมควร ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับปากคีบ คีบลูกกล้วยเบาๆ เอารากหย่อนลงไปในรูที่เจาะไว้ ให้ยอดตั้งตรง แล้วกลบออสมันด้าลงไปในรูให้ทับรากจนเรียบร้อย ควรจัดระยะห่างระหว่างต้นให้พอดี กระถางหมู่ขนาดปากกว้าง 4 นิ้ว ปลูกลูกกล้วยไม้ได้ประมาณ 40-50 ต้น การปลูกลูกกล้วยไม้ขนาดใหญ่ ลูกกล้วยไม้ที่ต้นใหญ่ให้ปลูกในกระถางขนาด 1 นิ้ว ใช้ไม้แข็งๆ ค่อยๆ แคะออสมันด้าในกระถางตามแนวตั้งออกมาใช้นิ้วมือรัดเส้นออสมันด้าให้คงเป็นรูปตามเดิม ค่อยๆ แบะออสมันด้าให้แผ่บนฝ่ามือ หยิบลูกกล้วยไม้มาวางทับ ให้โคนต้นอยู่ในระดับผิวหน้าตัดของออสมันด้าพอดี หรือต่ำกว่าเล็กน้อย แล้วรวบออสมันด้าเข้าด้วยกัน นำกลับไปใส่กระถางตามเดิม เสร็จแล้วนำเข้าไปเก็บไว้ในเรือนเลี้ยงลูกกล้วยไม้ สำหรับลูกกล้วยไม้ขนาดเล็กที่อยู่ในกระถางหมู่มาเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป มีลำต้นใหญ่แข็งแรงพอสมควรแล้วควรย้ายไปปลูกลงในกระถางนิ้ว โดยนำกระถางหมู่ไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที ค่อยๆ แกะรากที่จับกระถางและเครื่องปลูกออก แยกเป็นต้นๆ นำไปปลูกลงในกระถางนิ้วเช่นเดียวกัน

ต้นไม้เหล่านี้นอกจากจะช่วยตกแต่งบ้านได้ ให้กลิ่นหอม บางต้นก็เป็นต้นไม้มงคล บางต้นก็สามารถใช้เป็นสมุนไพร ใช้เป็นยารักษาโรคได้เช่นกัน เลือกปลูกตามความชอบได้เลยค่ะ เพราะทั้ง 13 ต้นเหมาะกับสภาพอากาศในไทยอยู่แล้ว เพียงแต่เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณเท่านั้นเอง

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 6
  • aom
    🙏🙏🙏
    19 ก.พ. 2562 เวลา 04.39 น.
  • swt
    🙏🏻
    19 ก.พ. 2562 เวลา 04.32 น.
  • 🎀 ⒷⓄⓌ シ
    🙏
    19 ก.พ. 2562 เวลา 04.25 น.
  • Patcharin Intayot
    🙏🙏🙏
    19 ก.พ. 2562 เวลา 03.29 น.
  • Wong Wissawapak
    🌹🌹🌹
    19 ก.พ. 2562 เวลา 03.20 น.
ดูทั้งหมด