"พันธ์ยศ" แจงไร้เอี่ยวอดีตผู้สมัคร ส.ส. ภราดรภาพ ถูกจับขายหน้ากากเกินราคา

"พันธ์ยศ" แจงไร้เอี่ยวอดีตผู้สมัคร ส.ส. ภราดรภาพ ถูกจับขายหน้ากากเกินราคา หลังถูกปคบ.จับ โวยถูกแอบอ้างชื่อต้มตุ๋น ยันไม่จริงได้รับส่วนเเบ่ง 10 สตางค์ต่อเเผ่น

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ กล่าวถึงกรณีข่าวกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)ได้ควบคุมตัวนายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร  จากหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง กทม.พร้อมหน้ากากอนามัย จำนวน 100 กล่อง รวม 5,000 ชิ้นเพื่อจำหน่ายในราคาสูงมาสอบสวนปากคำ โดยระบุเกี่ยวข้องกับขบวนการโพสต์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ของนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี หรือบอยที่ถูกดำเนินคดีฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไปก่อนหน้านี้ว่า จากข่าวมีรายงานว่า นายอานันท์วัฒน์ เคยเป็นตัวแทนขายให้กับตน โดยได้รับส่วนแบ่งชิ้นละ 10 สตางค์นั้น ขอชี้เเจงดังนี้ 

1.นายอานนท์วัฒน์เคยร่วมลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับตนเมื่อหลายปีก่อนเเต่ก็ยุติการดำเนินการไปเเล้ว ต่อมานายอานนท์วัฒน์ มาขอตนทำงานในช่วงปลายปีที่เเล้วอีกครั้งเพราะเดือดร้อนจากการทำธุรกิจด้านอื่นๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ตนเห็นว่านายอานนท์วัฒน์เคยร่วมงานกันมา จึงให้โอกาสเเละเเนะนำให้ปรับปรุงตัวเอง

จากนั้น ช่วงกลางเดือนม.ค.2563 เริ่มมีนักธุรกิจชาวจีนให้ตนเป็นคนกลางจัดหาหน้ากากอนามัยเพื่อส่งไปช่วยเหลือชาวจีนเพราะไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดหนัก ในช่วงนี้นายอานนท์วัฒน์ได้เริ่มลักลอบนำหน้ากากอนามัยที่ตนประสานมาให้นักธุรกิจชาวจีนไปเเอบจำหน่ายในชื่อของตัวเองเเละบางครั้งยังอ้างชื่อตนในการจำหน่ายเพื่อสร้างความเชื่อถือ

เมื่อตนทราบเรื่องนี้ในตอนนั้น ตนจึงตักเตือนเเต่ยังมีการฝ่าฝืนจึงไล่นายอานนท์วัฒน์ออกจากการมาช่วยงานครั้งล่าสุด เเละให้มีการตรวจสอบว่านายอานนท์วัฒน์ ลักทรัพย์ไปจำนวนเท่าใดเพื่อเเจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์

2.จากกระเเสข่าววันที่ 31มี.ค.นั้น การที่นายอานนท์วัฒน์อ้างว่าได้รับส่วนเเบ่งจากการจำหน่าย 10 สตางค์ต่อหน้ากากอนามัยหนึ่งเเผ่นนั้น ไม่ใช่ความจริง ขอย้ำว่า เพราะเรื่องจริงนั้นนายอานนท์วัฒน์ลักทรัพย์ของตนไปตั้งเเต่ตอนนั้นเเละนำไปจำหน่ายโดยบางครั้งเเอบอ้างชื่อตนไปหลอกลวงคนอื่นในการซื้อขายหน้ากากอนามัยด้วย

โดยมีหลายคนที่โดนนายอานนท์วัฒน์หลอกลวงได้สอบถามตนในเรื่องนี้ เเละในตอนนั้นหลังจากที่ตนไล่นายอานนท์วัฒน์ออกจากการมาช่วยงานครั้งล่าสุด ตนเคยนัดให้ผู้เสียหายมาเจอนายอานนท์วัฒน์เพื่อเจรจายุติเรื่องนี้กันเเล้ว ตนยังย้ำให้นายอานนท์วัฒน์ยุติการกระทำเช่นนี้ เเต่นายอานนท์วัฒน์ไม่ปฏิบัติ เเละยังอ้างชื่อตนหลอกลวงคนอื่นเพื่อซื้อขายหน้ากากอนามัยเป็นระยะจนกระทั่งโดนจับกุมในคราวนี้ เเละบางสื่อได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้เเล้วว่ามีการสอบสวนพบว่านายอานนท์วัฒน์เเอบอ้างตนไปดำเนินการซึ่งสิ่งที่บางสื่อเสนอข่าวนี้ออกไปตรงกับข้อเท็จจริง ตนขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

3.นายอานนท์วัฒน์ไม่ใช่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคภราดรภาพในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเเต่อย่างใด ทั้ง 3 ประเด็นข้างต้นที่ตนระบุนั้น คือข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนไม่เกี่ยวข้องใดๆ ตามที่นายอานนท์วัฒน์กล่าวอ้างหลังถูกจับกุมในครั้งนี้ ดังนั้นตนจะมอบฝ่ายกฎหมายไปเเจ้งความดำเนินคดีกับนายอานนท์วัฒน์ที่พาดพิงถึงตนทั้งหมด