ทำไม รถยุโรป ถึงกลัวน้ำ มากกว่ารถยนต์ค่ายประเทศอื่น? เกิดจากปัจจัยใดได้บ้างและมีวิธีป้องกันอย่างไร จึงจะปลอดภัย เราไปหาคำตอบพร้อมๆกันครับ
ทำไม รถยุโรป ถึงกลัวน้ำ มากกว่ารถยนต์ค่ายประเทศอื่น? จากกรณีฝนตกหนักน้ำท่วม หลายพื้นที่ทั่วไปประเทศ เราเลยเห็นภาพที่รถยนต์ แต่ล่ะคันต้องลุยน้ำมัน จนถึงขั้นจอดตายกลางน้ำท่วมกันอยู่ บ่อยๆ ไม่พ่นเเม้เเต่รถ SUV แต่ว่าเราอาจจะเห็นรถ ยุโรปอาจจะจอดเสียมากกว่ารถยนต์จากค่ายอื่นมากกว่า ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้เเก่คนที่ใช้รถยุโรปเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะไปหาคำตอบกันว่า รถยุโรปทำไมถึงได้กลัวน้ำมากกว่ารถยนต์ค่ายประเทศอื่น
ซึ่งสำหรับรถยนต์แล้ว น้ำเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองอากาศของเครื่องยนต์ เมื่อไส้กรองอากาศเปียก ก็จะทำให้อากาศไม่สามารถไหลผ่านได้ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับในที่สุดซึ่งกรณีนี้หากไม่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ซ้ำ ก็มักจะไม่เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำยังไม่หลุดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ เพียงแค่เปลี่ยนไส้กรองอากาศราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท ก็สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว ถ้าหากผู้ขับขี่พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์มากเท่าไหร่ อาจจะส่งผลให้มีน้ำบางส่วนไหลทะลุไส้กรองอากาศเล็ดลอดเข้าไปยังท่อไอเสียได้มากเท่านั้น ซึ่งการซ่อมแซมค่าเสียหายระดับนี้มักไม่ต่ำกว่า 40,000 - 50,000 บาท เลยทีเดียว
กรณีรถยุโรปทำไมถึงกลัวน้ำมากกว่ารถญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยีที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่า โดยเฉพาะรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ ที่มักจะถูกติดตั้งระบบเทอร์โบมาให้ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีอินเตอร์คูลเลอร์เพื่อช่วยในการลดความร้อนของอากาศก่อนส่งไปยังห้องเผาไหม้ โดยอุปกรณ์ที่ว่านี้จะถูกติดตั้งอยู่ด้านหลังของกันชนหน้าส่วนล่าง ซึ่งมีโอกาสปะทะกับมวลน้ำได้ง่ายเมื่อจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ จนทำให้อินเตอร์คูลเลอร์จะเป็นระบบปิด ซึ่งอากาศจะไหลเวียนมาจากเทอร์โบผ่านไส้กรองอากาศเท่านั้น แต่หากรถผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง อาจพบปัญหาซีลข้อต่อของอินเตอร์คูลเลอร์เกิดการแข็งหรือเสื่อมสภาพ ทำให้มีน้ำเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้จนทำให้เครื่องยนต์ดับในที่สุด จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงมักเห็นรถยุโรปจอดตายกลางน้ำอยู่บ่อยๆ
ซึ่งทางออกที่ดีนั้นคนที่ใช้รถยุโรปช่วงนี้ ก็คงได้แต่แนะนำว่าจอดทิ้งไว้บ้านก่อน แล้วเอารถญี่ปุ่นหรือคันที่ไม่มีระบบเทอร์โบมาใช้แทน หรือหากจำเป็นต้องนำมาใช้งานจริงๆ เนื่องจากไม่มีรถสำรองแล้วล่ะก็ ควรศึกษาเส้นทางและติดตามสภาพฟ้าฝนให้ดีก่อนออกเดินทางทุกครั้ง หากต้องลุยน้ำจริงๆ ก็ควรปิดแอร์ ใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดสูงขึ้น
กบ ครับผม ผู้ผลิตรถยนต์(ทั้งยุโรปและเอเซีย) ควรปรับปรุงแก้ไขให้รถสามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้มานานแล้วครับ แบบมือถือที่กันน้ำน่ะ เพราะก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงๆ ก็ต้องเจอสภาพการณ์นี้ในระหว่างการใ้ช้งาน รถราคาเป็นหลักแสนหลักล้าน ต้องมาพังเพราะน้ำท่วม หรือต้องงดใ้้ช้งาน มันใช่เรื่องมั้ยล่ะครับ
07 ต.ค. 2565 เวลา 23.32 น.
Boy กากไง ปัจจุบันนนี้เทคโนโลยีของญี่ปุ่นเผลอๆเหนือกว่ายุโรปแล้ว !
07 ต.ค. 2565 เวลา 07.13 น.
siam โคตรมั่ว
07 ต.ค. 2565 เวลา 03.05 น.
Kroek ธุรกิจใหม่ ที่ดินว่างบนดอยในชุมชน ทำลานจอดรถข่างหน้าฝน รถยนต์อย่าให้แช่น้ำ เขื่อราขึ้นเบาะและสนิมขึ้น ส่วนการลุยน้ำ ทุกคันให้ได้ครึ่งล้อ ส่วนรถไฟฟ้าอย่าลุยน้ำดีที่สุด
07 ต.ค. 2565 เวลา 02.16 น.
หนีขึ้นที่สูงเรียกรถสไลด์ ดีกว่าลุยน้ำท่วมแล้วต้องมาซ่อมเป็นหมื่นเป็นแสน
06 ต.ค. 2565 เวลา 23.37 น.
ดูทั้งหมด