หุ้น การลงทุน

‘ดาวโจนส์’ ทะยาน 207.11 จุด สวนทาง ‘แนสแด็ก’ ดิ่งลง 500.76 จุด เหตุนักลงทุนแห่ทิ้งหุ้นเทคโนโลยี

The Bangkok Insight
อัพเดต 18 ก.ค. เวลา 09.59 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. เวลา 17.03 น. • The Bangkok Insight

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (17 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ "ดาวโจนส์" เพิ่มขึ้น 207.11 จุด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนกันยายน สวนทางกับ "แนสแด็ก" ที่ดิ่งแรงถึง 500.76 จุด เหตุนักลงทุนแห่ทิ้งหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ล่าสุดอยู่ที่ 41,161.59 จุด เพิ่มขึ้น 207.11 จุด หรือ 0.51% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 5,593.53 จุด ลดลง 73.67 จุด หรือ 1.30% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 18,008.58 จุด ร่วงลง 500.76 จุด หรือ 2.71%

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดาวโจนส์

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มลดดอกเบี้ย ตอกย้ำถ้อยแถลงที่เขากล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนเทน้ำหนัก 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ขานรับถ้อยแถลงของนายพาวเวล หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนแห่เทขายหุ้นดังกล่าว หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ไต้หวันควรจ่ายเงินให้กับสหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปกป้องไต้หวัน

นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น แอปเปิ้ล เมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ และเน็ตฟลิกซ์ ต่างปรับตัวลงตามกัน หลังมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาออกมาตรการที่เข้มงวดบังคับใช้ต่อบริษัทในกลุ่มดังกล่าว หากทางบริษัทยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter):https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube:https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

ดูข่าวต้นฉบับ