คอลัมน์ “ด้วยสมองและสองมือ” "แนวคิดบ้านอัจฉริยะแบบใหม่ (New Smart Home Concept) หรือ บ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่เจตนาใช้คำว่า ปราชญ์ เพราะการควบคุมสั่งการทางไฟฟ้าเกิดจากองค์ความรู้ในสมองของบ้าน” รศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ นักวิจัยเจ้าของผลงานบ้านปราชญ์เปรื่อง ผู้อำนวยการบัณฑิตศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เล่าให้ฟังเกี่ยวกับงานวิจัยชิ้นล่าสุด “บ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์'” โดยได้รับทุนวิจัยจากโครงการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนจากเงินกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ในหัวข้อวิจัย “บ้านไร้เบรกเกอร์ 4.0 ปฏิวัติอุตสาหกรรมการใช้ไฟฟ้าและการป้องกันภัย” รศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ เล่าว่า“บ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์” คือการสร้างตัวบ้านให้เป็นอัจฉริยะ มีกระบวนการคิดและประมวลผลคำสั่งภายในตู้รวมไฟฟ้าก่อนการส่งคำสั่งไปดำเนินการด้วยปัญญาประดิษฐ์ เป็นการนำตู้รวมไฟฟ้าสมองกลอัจฉริยะที่เคยพัฒนามาระดับหนึ่ง มาต่อยอดทำเป็นสมอง หรือCPU หลักของบ้าน ซึ่งจะทำให้เกิด 1.ความปลอดภัย 2.ความสะดวกสบาย และ 3.การควบคุมสั่งการได้ด้วยไอคอนสัญลักษณ์ โดยบ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์ คือ การทำให้ความเป็นอัจฉริยะของบ้านเกิดขึ้นในมุมมองของไฟฟ้ากำลัง คือ จับที่ตัวคลื่นไฟฟ้าโดยตรง การควบคุม ป้องกัน และจัดการไฟฟ้านั้น กระทำร่วมกับการอ่านข้อมูลที่ปรากฎในคลื่นไฟฟ้าที่จ่ายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า ที่จะทำให้รู้ข้อมูลทุกอย่างด้านไฟฟ้า และการมีอยู่ในวงจรไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ทำให้การจัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าและการใช้ไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัยเหนือกว่าบ้านอัจฉริยะ
และสิ่งนี้คือ การทำให้สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศมาบรรจบกัน (Electrical and ICT Convergence) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกับโทรศัพท์บ้านที่มาสู่โทรศัพท์มือถือ การเปลี่ยนบ้านให้ปราชญ์เปรื่องและคิดได้เองที่จะยุติการสั่งการที่ไม่ปลอดภัย แจ้งเตือน ดำเนินการทำงานตามคำสั่งที่ปลอดภัย และแสดงผลลัพธ์แบบที่เรียกว่าบ้านปราชญ์เปรื่อง เป็นการจัดการไฟฟ้าภายในบ้านด้วยสมองกลฝังในบ้านที่ปลอดภัย ในขณะที่สร้างความสะดวกสบายและไม่สูญเสียการควบคุมแบบเดียวกับระบบบ้านอัจฉริยะ นั่นคือเราทำทุกอย่างที่บ้านอัจฉริยะทำได้ แต่บ้านอัจฉริยะทำทุกอย่างที่เราทำไม่ได้ ส่วน Google และกลุ่มผู้นำเทคโนโลยีด้านบ้านอัจฉริยะหลายรายทำในส่วนของการจัดการไฟฟ้า คือการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ควบคุมสั่งการผ่านศูนย์อัจฉริยะ หรือ HUB และสั่งการปิดเปิดทางอ้อมผ่านสายข้อมูลหรือ Data Channel เพื่อไปสั่งเปิดปิดสวิทช์ไฟฟ้าแต่ละตัว โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ไปแตะในการตรวจสอบดูลักษณะรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าโดยตรง เป็นเพียงการนำข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่อ่านผ่านมิเตอร์มาใช้ประโยชน์ในเรื่องประหยัดไฟฟ้าและการควบคุมการปิดเปิดสวิตช์ ซึ่งหากสายข้อมูลผิดปกติส่งคำสั่งผิดก็จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ไฟฟ้า โดยระบบอัจฉริยะไม่รู้ถึงอันตรายนั้น หากพิจารณาการพัฒนาด้านดิจิตอลของผู้นำอย่างGoogle กับบ้านอัจฉริยะในแง่ความปลอดภัยทางไฟฟ้านั้น ยังขาดการวิเคราะห์เชิง Data Analyticของคลื่นไฟฟ้า อันเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ไฟฟ้า การออกแบบระบบปฏิบัติการบนตู้รวมไฟฟ้าที่เป็นสมองของบ้าน ทำให้สามารถเพิ่มเติมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยไม่กระทบต่อการใช้งาน Application บนเครื่องมือสื่อสารของผู้ใช้ไฟฟ้า แต่อย่างใด
เนื่องจาก Application จะสั่งการผ่าน Management Layer และอุปกรณ์ที่ต่อเพิ่มเข้ามาในระบบไฟฟ้าจะเชื่อมต่อถึงกันในชั้น Device Connectivity Laye r โดยมี Device Functionality Layer ที่จะส่งการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในระบบในรูปแบบของ Roles ให้กับ Application โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง Protocol หรือต่างระบบเนื่องจากตราสินค้า เช่น Role ที่มีชื่อว่าสวิตช์ไฟ ไม่ว่าจะเป็นสวิตช์แบบไหนจากยี่ห้อสินค้าชนิดใด ก็จะมีการทำงานอยู่ 2 อย่างคือ ปิด เปิด เมื่อมีการสั่งการจาก Application เปิดไฟ Role ก็จะส่งคำสั่งไปที่ Port ที่ Role สวิตช์ไฟนั้นกำหนดไว้ เป็นต้น แม้ Google Home Hub จะทำได้คล้ายๆ กัน แต่การส่งข้อมูลไปทุกคำสั่งต้องส่งผ่าน Data Channel โดยไม่สนใจสภาพของระบบไฟฟ้าว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ในขณะที่ตู้รวมไฟฟ้าของบ้านปราชญ์เปรื่องจะสั่งการโดยตรงไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะหรืออุปกรณ์รุ่นเก่าได้ หรือจะส่งผ่านData Channel ก็ได้ และจะดำเนินการตามคำสั่งก็ต่อเมื่อสภาพของระบบไฟฟ้าปลอดภัย และหากมีอะไรไม่ปกติ ก็จะสั่งตัดการจ่ายไฟฟ้าทันที ในแง่ของผู้ใช้ไฟฟ้าที่สั่งการผ่าน Application ก็จะมองว่าบ้านปราชญ์เปรื่องกับบ้านอัจฉริยะเหมือนกันในแง่ของผลลัพธ์การสั่งการ แต่สำหรับการประมวลผลและการจัดการภายในระบบนั้นต่างกัน เพราะในระบบบ้านปราชญ์เปรื่อง บ้านช่วยเราคิดก่อนตัดสินใจ “ในฐานะเราคือหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านการทำการวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้เกิดการนำไปใช้เชิงพาณิชย์ ในวันนี้เราจึงได้ร่วมมือทำงานกับทีมวิจัยสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาให้คำปรึกษากับภาคเอกชนในการผลักดันแนวคิดบ้านปราชญ์เปรื่องสู่พาณิชย์นี้ เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้พัฒนาบ้านอัจฉริยะทั่วไป” รศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ กล่าวทิ้งท้าย
"ผมรักรัชกาลที่ ๙" เก่งมากครับ น่าชื่นชมจริงๆ
คนไทยฉลาดนะครับบอกเลย
26 มิ.ย. 2562 เวลา 00.11 น.
TOMMY T. NAKNAKORN สุดยอดไปเลยครับอาจารย์
26 มิ.ย. 2562 เวลา 00.52 น.
TOR สุดจริง
26 มิ.ย. 2562 เวลา 01.44 น.
วราวุธ พี่ป้อมเหมาะกับรมต.ยุติธรรมเพราะผ่านการตรวจจากองค์กรอิสระและกระแสสังคมอย่างรุนแรงไม่พบผิด
26 มิ.ย. 2562 เวลา 00.20 น.
Mr.Boonma Srikum Thai Land 5.0 ครับ
26 มิ.ย. 2562 เวลา 02.11 น.
ดูทั้งหมด