ย้อนรอย หมู่บ้านป่าแหว่ง ก่อนมีมติถูกสั่งรื้อ ในส่วนบ้านพัก 45 หลัง

เรามาย้อนรอยคดีบ้านพักข้าราชการตุลาการ ที่ถูกชาวเชียงใหม่ขนานนามว่า “หมู่บ้านป่าแหว่ง” กันว่า เรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นในวันที่ 8 เม.ย. หลังครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ร่วมกันจัดพิธีกรรมสืบชะตาป่าและพิธีบวชป่า ตามความเชื่อของชาวล้านนา เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ร่วมกับชาวเชียงใหม่ โดยจัดขึ้นที่บริเวณผืนป่าใกล้พื้นที่ก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ จังหวัดเชียงใหม่
ต่อมา มีการเปิดเผยภาพบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพในมุมสูง ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการก่อสร้างบ้านบุกรุกเข้าไปในป่าดอยสุเทพอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นกระแสนำไปสู่การทวงถามถึงความถูกต้อง รวมถึงกระแสจากชาวบ้านที่ต้องการให้รื้อทิ้ง ซึ่งทางศาลยุติธรรมยืนยันว่าเป็นการขอใช้พื้นที่จากทหารอย่างถูกต้อง และไม่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย รวมถึงไม่อาจยุติและรื้อถอนโครงการดังกล่าวได้ เพราะจะถูกคู่สัญญาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ต่อมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาให้แนวทางในการดัดแปลงบ้านพักตุลาการเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น แต่ไม่ทุบทิ้งตามคำเรียกร้อง เพราะใช้งบไปแล้ว รวมถึงขอร้องว่าอย่าเดินขบวนประท้วง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ดีขึ้น และเริ่มร้อนฉ่า เพราะกระแสไปในทิศทางเดียวกันว่า “ไม่เอาหมู่บ้านป่าแหว่ง ต้องรื้อทิ้งเท่านั้น”
กระทั่ง สำนักงานศาลยุติธรรมมีมติให้รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมถึงทางนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงปัญหาดังกล่าวอีกครั้ง หลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 1 พ.ค. พร้อมบอกว่าได้ตั้งคณะทำงานลงไปพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันแล้ว และยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของประชนประชาชนทุกคน จึงถือเป็นการยืดเวลาการแก้ปัญหาดังกล่าวออกไป
กระทั่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางการดำเนินการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่และฟื้นฟูสภาพป่า กรณีสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว โดยมีมติ เห็นควรให้ดำเนินการรื้อย้ายในส่วนบ้านพัก 45 หลัง โดยกำหนดกรอบระยะเวลาโดยเร่งด่วน เห็นควรให้รื้อย้ายในส่วนของอาคารชุด 9 หลัง โดยกำหนดกรอบระยะเวลา และมีเงื่อนไขให้ผู้พักอาศัยอยู่เดิมในส่วนของอาคารชุด 9 หลัง ย้ายไปพักอาศัยในอาคารชุด 4 หลัง นอกแนวเขตพื้นที่ป่าดั้งเดิม หากไม่เพียงพอให้ขยายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และเห็นควรให้มีการส่งมอบพื้นที่ที่ก่อสร้างแล้ว รวมทั้งพื้นที่ป่าที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้แก่กรมธนารักษ์โดยเร็ว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากมติที่ประชุมดังกล่าว เบื้องต้นทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้ไขปัญหากรณีนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรกเริ่ม แสดงความพอใจในระดับหนึ่ง ต่อมติที่ประชุมดังกล่าว แต่ยืนยันว่าจะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์และการพิจารณาตัดสินใจแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มีการดำเนินการจนกว่าจะได้พื้นที่ป่ากลับคืนมาให้ดอยสุเทพ
ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ยังคงมีตามกำหนดเดิม เพื่อเน้นย้ำจุดยืนและความต้องการของคนเชียงใหม่ รวมทั้งเพื่อรอฟังผลการพิจารณาและคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง