คำพูดเป็นสิ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้ และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผลของการพูดออกไปแบบนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นกับใครเลยนอกจากตัวเราเอง
พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงการสาปแช่งเอาไว้ว่า..
“การกระทำใดที่ไม่ดี การกระทำนั้น ย่อมไม่ควรทำ โดยเฉพาะการกระทำที่จะทำให้บุคคลอื่นเป็นทุกข์ เดือดร้อน กังวลใจ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
“คำด่า คำสาปแช่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาหรือต้องการที่จะได้ฟัง ได้ยิน ข้องเกี่ยว หรือข้องแวะ ใครที่มักจะทำตนให้อยู่ในสิ่งไม่ดีเหล่านี้ คือ พูดไม่ดี คิดไม่ดี และชอบสาปแช่งผู้อื่น บุคคลผู้นั้นก็คิดผิด และทำผิดด้วยการกระทำของเขาอยู่แล้ว ชีวิตของเขาก็จะถูกผูกมัดด้วยคำสาปแช่ง คำด่า ถูกผูกมัดด้วยกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นอยู่แล้ว”
ดังนั้นใครก็ตามที่พูดใส่ร้าย เสียดสีหรือสาปแช่งให้ร้ายคนอื่นก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้น เพราะการพูดไม่ดีเหล่านี้เป็นคำหยาบอย่างหนึ่ง เป็นวจีทุจริตที่จะต้องได้รับผลแห่งการกระทำตามมาอย่างแน่นอน
วจีทุจริตคือการประพฤติชั่วทางวาจา ทั้งการพูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด และพูดเพ้อเจ้อ รวมถึงการสาปแช่งผู้อื่นด้วย ซึ่งผลกรรมที่เกิดจากวจีทุจริตตามที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎกคือ จะตกนรกไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต อย่างเบาที่สุดแม้ได้เกิดเป็นมนุษย์ก็จริง แต่จะมีเสียงที่ประหลาด หรือเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีคนคบหาสมาคมด้วย ไปไหนก็มีแต่คนไม่ชอบ มีแต่คนคอยนินทา เรียกว่ามีความทุกข์ตลอดทั้งชาตินี้และชาติหน้า เพราะไปว่าเค้าไว้ก่อน ทำให้ตัวเราไม่เป็นที่รักของคนอื่น
บางคนด่าคนอื่น แช่งคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย แปลว่าเราทำผิดจนชิน จนไม่รู้ว่าผิดด้วยซ้ำ ซึ่งการทำผิดจนชินแบบนี้ อย่าคิดว่าไม่ผิด ไม่บาปอย่างเด็ดขาด เพราะผลกรรมจะตามทันไปทั้งชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่ดี ทำให้มีความทุกข์สารพัดอย่างด้วย
ส่วนคนที่ถูกแช่ง ถามว่าจะเป็นไปตามที่โดนแช่งหรือไม่ คำตอบคือ ‘ไม่’ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นทำผิดด้วยหรือไม่ ถ้าผิดก็ย่อมต้องมีผลแห่งการกระทำนั้นเกิดขึ้น ตามกฎแห่งกรรม ตามเหตุปัจจัยที่เขาได้ทำไว้ จะหนักหรือเบาก็เป็นไปตามความผิดบาปที่เกิดขึ้นนั่นเอง แต่จะไม่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามที่โดนแช่งนั่นเอง
ทีนี้ถ้าถามว่าเวลาดูข่าวในทีวี หรือเห็นคนทำชั่วแล้ว เราดันเผลอไปแช่งคนชั่วนั่นเข้าให้ ถามว่าผิดบาปหรือไม่ คำตอบก็คือ กรรมอยู่ที่เจตนา ถ้าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะแช่งชักหักกระดูกก็ย่อมไม่ได้รับผลแห่งการกระทำนั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเจตนาแช่งอย่างชัดเจน กรรมก็ไม่มีทางไปตกอยู่ที่ใคร นอกจากตัวเราเอง
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ทั้งคนแช่งและคนที่ถูกแช่งต่างก็ได้ผลแห่งการกระทำของตน คนแช่งก็ได้ผลจากวจีทุจริตที่ไปแช่งเขา ส่วนคนถูกแช่งก็ได้รับผลแห่งการกระทำที่ได้ทำไว้ เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นการดีกว่า ถ้าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน อะไรที่ไม่ดีก็อย่าให้ออกจากปากของเรา ถ้อยคำที่ออกจากปากควรเป็นคำดี ๆ ที่มีคุณค่า มีสาระ เป็นวจีสุจริตจะดีที่สุด..
Yongyuth เดี๋ยวนี้เห็นคนชอบ comment ใช้คำพูดหยาบคาย มีแต่ขากถุย อยู่เป็นประจำ จนไม่รู้ว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ควรละ ด้วยการระลึกรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ ผิด เพราะมันเป็นการดูถูกผู้อื่น เมื่อเถียงสู้เหตุผลไม่ได้ก็ใช้วาจาหยาบคาย หวังจะเอาชนะ เพราะคนที่เขาฟังเขาไม่อยากตอบโต้ ให้เป็นบาปเป็นกรรมแก่ตัวเองนั่นเอง มิได้หมายความว่า เขาแพ้แล้วในการ ตอบโต้
14 ม.ค. 2563 เวลา 13.19 น.
NONAME สาธุ สำหรับพระธรรม คำทรงสอนของพระบรมศาสดา ผ่านพระสาวก ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ ได้เข้าใจ และผลที่ต้องได้รับ
14 ม.ค. 2563 เวลา 12.54 น.
พี่ฟู บาปเหตุเพราะเป็นการให้ร้ายผู้อื่น และจิตใจตนเองมัวหมองและเป็นทุกข์
14 ม.ค. 2563 เวลา 13.16 น.
การปล่อยวางย่อมที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะทุกอย่างก็ล้วนแล้วก็ย่อมที่จะต้องเป็นไปตามกรรมจากการกระทำที่ได้สร้างขึ้นมา.
14 ม.ค. 2563 เวลา 13.32 น.
พวงเพ็ญ รัตนพงศ์ สาธุๆๆค่ะ
14 ม.ค. 2563 เวลา 13.20 น.
ดูทั้งหมด