คนขวางโลก ผู้นำบราซิลคว่ำ กม. บังคับใส่แมสก์

ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ใช้สิทธิ์ยับยั้งกฎหมายบางมาตราที่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด ที่มีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า, โบสถ์ และโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่บราซิลพยายามดิ้นรนอย่างหนักในการต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 “ประชาชนอาจถูกปรับฐานไม่สวมหน้ากากอนามัยที่บ้านเลยรึ” เขากล่าว

นายโบลโซนาโร ไม่เคยแยแสกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing ตามคำแนะนำของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เขายังเช็คแฮนด์และสวมกอดกลุ่มผู้สนับสนุนเป็นประจำในหลายเหตุการณ์ แม้บราซิลคือประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เขาเคยกล่าวต่อสาธารณชนว่า ในอดีต เขาเป็นนักกีฬา ทำให้เขามีภูมิคุ้มกันจากไวรัสร้าย
“วันนี้ มีการคว่ำกฎหมายหลายฉบับ ที่บอกให้ใช้หน้ากากอนามัย ซึ่งรวมทั้งภายในบ้าน ผมใช้สิทธิ์วีโต้หมด ไม่มีใครเข้าบ้านและต้องมาเสียค่าปรับ ผมคนหนึ่งละที่อาจต้องจ่ายค่าปรับ เพราะขณะนี้ผมก็ไม่ได้ใส่หน้ากาก”
แต่เขาก็ถูกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีไม่ใส่ใจความเลวร้ายของไวรัส ซึ่งเขาเรียกไวรัสโควิด-19 นี้ว่า “ไข้หวัดน้อย” เท่านั้น อีกทั้งนายโบลโซนาโรยังได้กดดันบรรดาผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีเมืองต่าง ๆ ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ให้ล้มเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และรีบเปิดเศรษฐกิจ
เคที วัตสัน ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำอเมริกาใต้ กล่าวว่า นายโบลโซนาโรไม่เคยแคร์เลยที่จะสวมหน้ากากอนามัย ข้อเสนอเกี่ยวกับสุขภาพในการจัดการวิกฤตไวรัสในบราซิล กลายเป็นเรื่องการเมือง แม้แต่ในที่ ๆ มีการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยโดยไม่มีข้อยกเว้น ก็ยังมีบางคนไม่ปฏิบัติตาม และการบังคับใช้กฎหมายก็หละหลวมมาก สภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งมาตราที่กำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยในย่านธุรกิจและเขตอุตสาหกรรม, ศาสนสถาน, สถาบันการศึกษา และสถานที่ปิดอื่น ๆ ที่มีผู้คนชุมนุมหมู่มากด้วย แต่นายโบลโซนาโร ก็คว่ำกฎหมายฉบับนี้ซะเมื่อวันศุกร์ โดยอ้างว่า มันอาจไปละเมิดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
เขายังวีโต้กฎหมายอื่น ๆ ที่กำหนดให้แจกหน้ากากอนามัยให้ผู้มีฐานะยากจนด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐสภาก็มีเวลา 30 วันในการลงมติลบล้าง หรือตีกลับการวีโต้ของโบลโซนาโร ด้วยการลงมติด้วยเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้พิพากษาสั่งให้ประธานาธิบดีบราซิลสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธมาโดยตลาด อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวก็ถูกศาลยกเลิกในเวลาต่อมา นายโบลโซนาโร ยืนยันว่า การกักบริเวณและเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่จำเป็นในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัส และจะทำลายเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศด้วย
การลงมติของนายโบลโซนาโร คัดค้านกฎหมายบังคับสวมหน้ากากอนามัย มีขึ้นขณะที่บราซิลมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงเกือบ 1.5 ล้านคนแล้วในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ และไวรัสยังคงระบาดต่อเนื่องในประเทศใหญ่สุดของลาตินอเมริกาแห่งนี้ แม้ว่าหลายเมืองจะอนุญาตให้เปิดบาร์, ร้านอาหารและสนามกีฬาในร่ม ได้แล้วก็ตาม ซึ่งก็จุดชนวนให้เกิดความหวาดกลัวว่า การระบาดจะเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บราซิลเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ และมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะนี้แล้วกว่า 61,000 คน เฉพาะในเมืองริโอ เดอ จาเนโร แห่งเดียว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,600 คนในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียง 14 ประเทศเท่านั้น ที่มีผู้เสียชีวิตสูงกว่าเมืองริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งห้องรักษาผู้ป่วยหนัก หรือไอซียู ในโรงพยาบาลของรัฐ รับผู้ป่วยโควิดไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ เมืองเซาเปาโล เมืองใหญ่ที่สุดของบราซิลและเป็นเมืองที่ไวรัสระบาดหนักที่สุด ก็คาดว่าจะเปิดบาร์และร้านอาหารในสัปดาห์หน้านี้