เดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยีที่ช่วยในการจัดการงานต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น ทำให้บางองค์กรเล็งเห็นประโยชน์ที่จะให้พนักงานทำงานแบบยืดหยุ่นขึ้น เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งในอนาคตอันใกล้นี้บ้านเรากำลังจะมีพนักงาน GEN Y (เกิดระหว่างปี 2525–2548) และ GEN Z (เกิดระหว่างปี 2547–ปัจจุบัน) ก้าวเข้ามาสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวและยืดหยุ่นนโยบายการทำงานเพื่อมัดใจพนักงานยุคใหม่ให้มากที่สุด
คน GEN Y และ GEN Z เติบโตในยุคดิจิทัลและมีความต้องการที่คล้ายกัน คือต้องการสวัสดิการที่มีความยืดหยุ่น และวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ล้าสมัย ซึ่งจากคาแรกเตอร์นี้ ทำให้องค์กรอาจต้องปรับตัวในเรื่องนี้มากขึ้น และหนึ่งในวิธียืดหยุ่นในการทำงานที่พนักงานต้องการมากที่สุด ก็คือการ Work at home
Work at home ไม่ได้หมายถึงการทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียว แต่คือการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานที่ปฏิบัติงานและช่วงเวลาในการทำงานได้ และในระหว่างการทำงานผู้ปฏิบัติงานจะต้องสามารถเชื่อมต่อหรือติดต่อกับหน่วยงานต้นสังกัดได้ผ่านการใช้เครือข่ายเทคโนโลยีต่าง ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การทำงานที่บ้านแบบสบาย ๆ ทำไปนอนไปอย่างที่ใครหลายคนคิดกัน
การ Work at home เป็นการทำงานที่บ้านก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าองค์กรจะปล่อยให้คุณทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียว อาจมีแค่ 1-2 วันในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นที่จะเป็นการ Work at home เนื่องจากเราทุกคนคุ้นเคยกับการทำงานในแบบที่ต้องพบปะพูดคุย การไม่เข้ามาทำงานในองค์กรเลยก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะพนักงานจะไม่เกิดการปฏิสัมพันธ์ใด ๆ เกิดความห่างเหินระหว่างเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการทำงานในองค์กรเลย
สำหรับคนไทยการ Work at home ดูเหมือนเป็นทัศนคติในแง่ลบที่บุคลากรเก่าแก่ในองค์กรอาจไม่เห็นด้วย เพราะไม่มั่นใจว่าพนักงานจะทำงานอย่างจริงจัง แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนเราก็ต้องมีการปรับตัวให้ยืดหยุ่นขึ้น ตามโลกให้ทัน ซึ่งมีผลสำรวจออกมาแล้วว่าการ Work at home มีประสิทธิภาพในการทำงานไม่น้อยไปกว่าการนั่งอยู่ในองค์กรเลย เผลอ ๆ อาจทำให้เกิดประสิทธิผลของงานได้ดีกว่าด้วย เพราะสถานที่ไม่ได้เป็นปัจจัยในการสร้างงานแต่อย่างใด
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา การ Work at home 1-2 วัน/สัปดาห์ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แถมประสิทธิผลของงานก็ออกมาดีกว่าการทำงานในองค์กรเสียอีก มีงานวิจัยที่ระบุว่าคนทำงานที่บ้านจะจดจ่อกับงานที่ทำได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และมีแนวโน้มจะลาออกจากงานน้อยกว่าคนทำงานออฟฟิศเป็นประจำ ที่สำคัญองค์กรยังสามารถประหยัดงบประมาณไปได้บางส่วนด้วย
และในข้อดีก็มีข้อเสีย องค์กรอาจต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้และผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่อย่าลืมว่าโลกเราเดี๋ยวนี้หมุนเร็ว เทคโนโลยีต่าง ๆ มีส่วนช่วยให้เราทำงานกันง่ายขึ้น องค์กรจะมัวมาแช่แข็งตัวเองอยู่อย่างเดิมคงเป็นไปได้ พนักงานต้องปรับตัว องค์กรเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเหมือนกัน
cob ดีครับ โลกหมุนไปเราก็หมุนตามโลก ระบบพร้อมแล้วก็ทำตามเลยครับ
16 มิ.ย. 2560 เวลา 06.02 น.
เห็นด้วยค่ะ
15 มิ.ย. 2560 เวลา 13.26 น.
LovelyTaTa ที่ต่างประเทศมีมาสักระยะนึงแล้ว ถ้าเรา work at home บ้างคงคลายความเครียดเรื่องรถติดลง
16 พ.ย. 2561 เวลา 14.40 น.
ดูทั้งหมด