ทำไมคนเราต้องดูซีรีส์แบบ “รวดเดียวจบ” พร้อม 3 เคล็ดลับ ติดซีรีส์แบบไม่ทำลายสุขภาพ!

เคยเป็นกันไหมที่เวลากดเข้าไปดูซีรีส์ทีไร ก็หยุดไม่ได้ทุกที จะต้องดูรวดเดียวจบ เพราะไม่เช่นนั้นจะค้างคานอนไม่หลับ หรือกลัวว่าพรุ่งนี้จะไปคุยกับเพื่อน ๆ ต่อไม่ได้ ถ้าคุณเป็นเช่นนั้น เราเป็นเพื่อนกัน แต่วันนี้ LINE TODAY ORIGINAL มีคำตอบมาบอกค่ะว่า ทำไมคนเราถึงเสพติดพฤติกรรม “ดูรวดเดียวจบ” 

พฤติกรรมดูซีรีส์ทีละหลาย ๆ ตอน หรือว่าดูทีเดียวจบเรื่อง หรือจบซีซั่นนั้น มีชื่อเรียกว่า “Binge-watching” ซึ่งพฤติกรรมนี้เกิดจากเติบโตขึ้นของแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีมากมายให้เลือกได้อย่างหลากหลายในปัจจุบัน ซึ่งสาเหตุของการดูซีรีส์แบบรวดเดียวหลาย ๆ ตอนนี้นั้น อาจจะมีเหตุผลมาจากว่า เป็นซีรีส์เรื่องโปรดที่เราชอบดูมาก หรือไม่ก็เรื่องราวน่าติดตามสุด ๆ จนหยุดไม่ได้ หรืออาจจะเป็นความกลัวที่ว่าดูไม่จบเดี๋ยวจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง หรืออีกหลาย ๆ ปัจจัยตามเหตุผลของแต่ละคน แต่ว่าพฤติกรรมนี้ก็มีคำอธิบายจากวิทยาศาสตร์ด้วย

นักมนุษยวิทยาคนหนึ่งได้ทำการศึกษาว่าทำไมวัฒนธรรมการดูซีรีส์แบบรวดเดียวจบนั้นถึงกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จากการสำรวจก็พบว่า ในการดูโทรทัศน์แต่เดิมนั้น วัฒนธรรมการดูรวดเดียวหลาย ๆ ตอน เริ่มต้นมาจากคุณภาพโทรทัศน์ที่ดีขึ้น, รวมไปถึงสภาพสังคมเศรษฐกิจ และการเติบโตของโลกดิจิทัล แต่ปัจจุบันคนดูโทรทัศน์ก็แตกต่างไปจากเดิม เพราะว่าบริการแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้เกิดขึ้น โดยแพลตฟอร์มเหล่านั้นอนุญาตให้คนดูนั้นสามารถจัดการตารางการเสพสื่อได้ด้วยตัวเอง สามารถเป็นคนกำหนดได้เองว่าจะดูหรือไม่ดูอะไร และในช่วงเวลาไหน เรียกได้ว่าก่อให้เกิดพฤติกรรมใหม่นั่นเอง

และการเกิดขึ้นของสื่อใหม่นี้เอง ก็ส่งผลให้สิ่งที่เราต้องการจากสื่อนั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้เราจะเสพคลิปที่มีความยาวไม่เกิน 1 นาที และมีบทสนทนาเพียง 280 ตัวอักษรเท่านั้น และนี่ก็เลยเป็นจุดที่ว่าเราต้องการคนที่จะมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่มากขึ้นไปกว่าเดิม ตอนนี้เมื่อเราอยากจะหนีไปจากวันที่แสนเหนื่อยล้า ก็แค่เปิดแอปเลือกเรื่องที่อยากจะดู และจมอยู่กับมัน ตามที่ใจอยากจะดู ตารางก็สามารถกำหนดเองได้ เพราะไม่ต้องรอรันโปรแกรมเหมือนรายการโทรทัศน์ ดูซีรีส์หลาย ๆ ตอนติดกัน นี่ถือว่าเป็นวิธีหลบเลี่ยงสังคมที่กลายเป็นที่นิยมในทุกวันนี้

และก็มีนักจิตวิทยาได้บอกว่า การดูซีรีส์ที่ชื่นชอบหลาย ๆ ตอนติดกันนั้น สมองก็หลั่งสาร “โดพามีน” ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายนั้นรู้สึกเหมือนว่าได้รางวัล มีความสุขที่จะทำกิจกรรมที่ทำอยู่นั้นต่อไป ประมาณว่า รู้สึกดีจังเลย ทำต่อไปนะร่างกาย เมื่อร่างกายเคยชินกับการทำอะไรบางอย่างที่ทำให้หลั่ง “โดพามีน” แล้ว ร่างกายก็เหมือนจะพอใจกับการที่เราดูตอนต่อไปเรื่อย ๆ 

แต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมนี้ที่มันเกิดขึ้น ก็ไม่ได้มาจากคนดูเพียงอย่างเดียว เพราะต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มในปัจจุบันก็เอื้อให้เกิดพฤติกรรมเช่นนี้ด้วย เช่นบางแพลตฟอร์มที่เมื่อเราสมัครสมาชิกแล้ว เราก็สามารถดูคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มนั้น ๆ แบบไม่มีโฆษณา ดูได้ต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีอะไรมากั้นเลยทีเดียว ถึงกับบางแพลตฟอร์มก็มีประโยคเด็ดที่ว่า การนอนเป็นศัตรูกับการให้บริการของเรา เลยทีเดียว คุ้น ๆ กันไหม? เพราะเมื่อคนสามารถดูได้แบบไม่มีอะไรมาขัดจังหวะในการดู ก็จะสามารถดูไปเรื่อย ๆ เพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตีสี่แล้วเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าพฤติกรรมนี้ดูจะสร้างความสุขให้แก่ร่างกายและจิตใจของคนทำ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่จะกดดูต่อไปเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมสร้างสมดุลระหว่างการติดซีรีส์กับสุขภาพด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดผลทางด้านสุขภาพตามมาอย่างมากมาย และเนื่องจากพฤติกรรมดูรวดเดียวจบนั้นเป็นที่ยอดฮิตในหมู่คอซีรีส์เหลือเกิน จึงมีทิปส์ 3 ข้อที่ง่าย ๆ มาก ๆ เพื่อมาสร้างสมดุลที่ดีในการดูซีรีส์ของทุกคนกัน

1. กำหนดจำนวนว่าจะดูแค่ไหน 

ดูหลาย ๆ ตอนได้ แต่ก็ต้องมีลิมิต อย่าหักโหม วางแผนเลยว่าในแต่ละคืน ๆ นั้นจะดูแค่ไหน รู้ว่าซีรีส์สนุกและเย้ายวนใจ แต่ก็ต้องสร้างวินัยให้ตัวเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการดูรวดเดียวจบจนเกินไป

2. หาของว่าง/ขนม ที่มีประโยชน์ กินระหว่างดู

อาจจะเป็นพฤติกรรมที่ใครหลาย ๆ คนทำ เมื่อต้องดูหนังหรือซีรีส์ยาว ๆ ก็มักจะมีขนมข้างตัว เพื่อไม่ให้เหงาปากจนเกินไป ลองเปลี่ยนจากขนมขบเคี้ยวเป็นผลไม้ เปลี่ยนจากน้ำอัดลมเป็นสมูธตี้ผลไม้ อาจจะช่วยให้ร่างกายไม่แย่เกินไป

3. กดพอสบ้าง

รู้ว่าการกดพอสอาจจะทำให้เสียอารมณ์ แต่ว่านอกจากดูซีรีส์แล้ว ระหว่างตอนอาจจะมีกิจกรรมบางอย่างคั่น กดพอสไปยืดตัว ไปเดินเล่น ไปทำอาหาร หรือไปอาบน้ำก็ได้ ทำอย่างอื่นและค่อยกลับมานั่งดูต่อก็ได้

แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบดูรวดเดียว หรือไม่ชอบ แต่พฤติกรรมนี้ก็น่าจะอยู่คู่สังคมไปอีกสักพัก อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า การดูซีรีส์นั้นเป็นการพักผ่อนที่เป็นตัวเลือกที่ดีข้อหนึ่ง แต่อย่าคิดถึงความสนุกจนลืมความสมดุลของร่างกายกันนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://medium.com