ปิดเพื่อเปิด..3 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

เคยไหม..ที่อยากตั้งใจทำงานแทบตาย แต่กลับมีอะไรบางอย่างมาทำให้วอกแวกได้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจมาจากบ้านแล้วว่าวันนี้ งานนี้ ต้องเสร็จ แต่พอมาถึงที่ทำงานกว่าจะได้ทำงานจริง ๆ กว่าจะได้โฟกัสกับงาน ปรากฏว่าไม่มีอะไรเป็นใจสักอย่าง 

จริง ๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้แม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรเกิดบ่อย ๆ เพราะนอกจากงานจะไม่เสร็จจนทำให้มีงานค้างเพียบแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าที่การงาน โบนัสและความก้าวหน้าอื่น ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นโฟกัสให้ดี อย่าให้ใครหรืออะไรมารบกวนการทำงานของเราได้ เรียกว่าอะไรควรปิดก็ปิดซะ อะไรควรเปิดก็เปิด เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องต่อไปนี้ต้องปิดและเปิดให้ถูกต้อง!

ปิดแจ้งเตือนเพื่อเปิดสมาธิ

แทบทุกคนต้องเคยไม่มีสมาธิในการทำงาน พอจะตั้งใจจะทำจริง ๆ จัง ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาทำให้วอกแวกได้ตลอด แชตเด้งบ้าง เฟซบุ๊กแจ้งเตือน และอีกสารพัดอย่างที่มาทำลายความตั้งใจในการทำงานของคุณจนหมดสิ้น กลายเป็นว่างานไม่เสร็จสักอย่างเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเช็กโซเชียล ตอบแชตอยู่เนือง ๆ 

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้ และคงรู้ดีว่ากว่าจะกลับมาโฟกัสงานที่อยู่ตรงหน้าได้ ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าอยากทำให้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ต้องปิดแจ้งเตือนทุกชนิดให้หมด ไม่ว่าจะเป็นโซเชียล แชต หรือเอาสมาร์ตโฟนเก็บเข้าลิ้นชักเลย แค่นี้จุดเริ่มต้นของการทำงานที่โคตรจะมีประสิทธิภาพก็เกิดขึ้นแล้ว

ปิดหู ปิดปากเพื่อเปิดสมอง

นอกจากจะปิดการแจ้งเตือนทุกชนิดแล้ว อีกอย่างที่ต้องปิดให้สนิทเลยก็คือ หูและปาก เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ปิดหูเพื่อไม่ให้วอกแวกไปสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่นอกเหนือจากงาน และปิดปากเพื่อจะได้หยุดเมาท์มอยหอยสังข์ไปเรื่อยเปื่อย แล้วหันมาโฟกัสที่งานเพียงอย่างเดียว

ใครที่คิดว่าทำงานไปด้วย เมาท์ไปด้วย ฟังคนอื่นเมาท์ไปด้วยก็ยังทำงานได้ดี บอกได้เลยว่าคิดผิดถนัด ในเมื่อสติคุณไม่ได้อยู่ที่งาน จะทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร หรือบางคนเถียงว่าก็ฉันเป็นคน Multitask ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน แล้วก็ทำได้ดีด้วย แปลว่าคุณไม่เข้าใจคำว่า Multitask ดีพอ เพราะการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ไม่ได้แปลว่าต้องทำทุกอย่างพร้อมกัน สิ่งที่ถูกที่ควรคือทำหลาย ๆ อย่าง แต่ต้องทำไปทีละอย่าง ถึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ปิดความคิดในแง่ลบ เพราะอะไรก็เป็นไปได้

ถ้าอยากให้งานออกมาดี มีประสิทธิภาพต้องรู้จักโฟกัสให้ตรงจุด อะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานตัดทิ้งให้หมด โดยเฉพาะปัญหาหรืออะไรต่าง ๆ ที่ยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปคิดให้มากความหรือกดดันตัวเองมากเกินไป การทำแบบนี้ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากงานจะไม่เดินแล้ว กำลังใจในการทำงานยังลดน้อยถอยลงไปด้วย

สิ่งที่จะช่วยให้เรากลับมาโฟกัสกับงานที่อยู่ตรงได้เร็วที่สุด ก็คือการหยุดตัวเองเมื่อเกิดความคิดในแง่ลบกับงาน พยายามเปลี่ยนความคิดลบนั้นให้กลายเป็นบวก แทนที่จะมองว่าแต่ปัญหาหรือความผิดพลาด เปลี่ยนมุมมองสักนิดแล้วอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น

3 วิธีนี้เป็นเพียงตัวช่วยเบื้องต้นที่ทำให้คุณโฟกัสอยู่กับงานได้ดีขึ้น อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นเสมอ และถ้าเริ่มต้นได้ดี ได้ถูกต้อง โอกาสที่งานจะสำเร็จก็มีมากขึ้นตามไปด้วย