ไลฟ์สไตล์

‘พี่รู้ปะ หนึ่งเทอมที่ผ่านมา เด็กโรงเรียนหนูฆ่าตัวตายไปแล้ว 8 คน’ - เพจ Beautiful Madness by Mafuang

TALK TODAY
เผยแพร่ 19 พ.ย. 2562 เวลา 09.57 น. • เพจ Beautiful Madness by Mafuang

‘พี่รู้ปะ หนึ่งเทอมที่ผ่านมา เด็กโรงเรียนหนูฆ่าตัวตายไปแล้ว 8 คน’ 

.

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

.

.

รุ่นน้องที่เรารู้จักที่อเมริกาพูดกับเรา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

มหาวิทยาลัยของน้องก็คือ USC หรือ University of Southern California

ถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลก

และสาขาที่น้องเรียนอยู่นั่นก็คือ ฟิล์ม หรือการสร้างหนัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถือเป็นอันดับหนึ่ง ของทุกโรงเรียนฟิล์มในโลกนี้

แน่ละ พูดในฐานะคนนอก(ที่ไม่ได้อยู่โรงเรียนนี้) 

แต่ละคลาสคงมีการเคี่ยวเข็นกันอย่างสุด

เพื่อให้ได้เพชรเม็ดงามมาประดับวงการภาพยนตร์ 

และเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงเรียนต่อไป

น้องเล่าให้ฟังว่า จากคนหลายพันคน

แต่ละปี เขารับเด็กมาเรียนสาขานี้แค่ 60 คน

และรวมเด็กที่ทั้งเก่งสุดขั้ว และไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน 

แต่เป็นคนที่น่าสนใจ มีเอกลักษณ์บางอย่าง

มาอยู่รวมกัน – ทุกคนจะได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับคนที่มีพื้นฐานและนิสัยหลายๆ แบบ ทักษะที่ได้ มันจึงไม่ใช่แค่การทำหนังให้ดี แต่คือการอยู่กับคนอื่นยังไง ให้งานออกมาเลิศและยังคงไว้ซึ่งสุขภาพเน้นที่ใจของแต่ละคนให้โอเคอยู่ ซึ่งนี่ก็คือการจำลองชีวิตการทำงานจริงออกมานั่นแหละ ผ่านสิ่งนี้ไปได้ งานหนักแค่ไหน ก็น่าจะรับไหว แต่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและเต็มไปด้วยความกดดันยังไง ที่จะไม่ดึงเราให้จมดิ่ง

.

.

.

เราไปค้นหาข่าวเพิ่มเติมเอง

ในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งนี้ มีนักเรียนรวมทั้งหมดประมาณ 47,500 คน

ในหนึ่งเทอมเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีนักเรียนเสียชีวิตไปแล้ว 9 คน (เพิ่มจากที่เพื่อนบอกหนึ่งคน)

ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแน่ชัด

แต่รู้แน่ๆ ว่าจากไปโดยการฆ่าตัวตาย 3 คน ส่วนสำหรับคนอื่น สาเหตุยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัด หรือบางครอบครัวก็ไม่อยากให้บอกออกสื่อไป

แต่สำหรับเรา ประเด็นที่สำคัญมาก แน่นอนคือเรื่องของ mental health หรือสุขภาพใจ 

– เราเลยอยากมาแบ่งปัน สิ่งที่เราก็กำลังฝึกตัวเองอยู่เหมือนกัน ให้สามารถทำงานให้ดีได้ และจิตใจก็ไม่เสียไปด้วย (แต่ก็มีโคลงเคลงบางแหละ) ถือซะว่าเป็นการเล่าการบันทึกการเดินทางให้ฟังแล้วกัน 

.

.

.

มองทุกอย่างด้วยความ ‘สงสัย’ แทนความ ‘กลัว’

เมื่อไหร่ก็ตามที่อารมณ์มันท่วมท้นจนยากจะเอาสติมาฉุดไหว 

ความกลัวและประหม่าเริ่มแทรกซึมเข้ามาตามอณูต่างๆ ของร่างกาย 

ลองฝึกแทนที่ ‘ความกลัว’ ตัวนั้นด้วยความสงสัย 

เช่น ทำไมเราถึงโมโหที่เพื่อนในกลุ่มว่าเราแรงขนาดนี้นะ อ๋อ เพราะเรารู้สึกว่า ไม่ควรมีใครสมควรได้รับการกระทำไม่น่ารักแบบนี้ใส่ เอ.. เรานี่เป็นคนแคร์คนอื่นมากจนกระทบจิตใจตัวเองได้ขนาดนี้เลยเนอะ มันทำให้เราค่อยๆ เข้าใจตัวเองมากขึ้น และยึดเอาสิ่งนั้นเป็นคุณค่าพิเศษในตัวเรา

แต่กระบวนการนี้มันต้องใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเราจับจุดอารมณ์จี๊ดของเราได้แล้ว 

เราก็จะมีเหตุผลเพื่อเป็นคำตอบให้อารมณ์ขุ่นเคืองของเรา 

จับทางถูกแล้ว ก็จะรู้สึกไม่หลงแล้ว

.

.

.

 ‘เมื่ออยากพิสูจน์ตัวเอง’

ตอนเราเริ่มฝึกงานนักบำบัดแรกๆ ด้วยความที่เราเป็นคนสุดโต่งมากๆ ลงมือทำอะไรต้องทำให้สุด จนเลยเถิดไปถึงการไม่อยาก ‘หยุดคิด’ เรื่องคนไข้ เพราะรู้สึกว่ามันจะหมายความว่าเราไม่ทุ่มเทให้สิ่งนี้มากพอ จนถึงขั้นไม่มีความสุขเวลานั่งสมาธิ หรือเล่นโยคะ โกรธเวลาครูโยคะบอกให้ ‘ปล่อยวาง’ หลังๆ เริ่มปวดหัว ไมเกรนขึ้นทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิวเขรอะ นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ลง และมันก็พิสูจน์แล้วว่า หัวเราตื้อสุดๆ เวลาคุยกับคนไข้ คิดคำพูดอะไรไม่ค่อยออก เพราะสมองเราไม่ได้พักเลย 

จนทำให้เราเข้าใจแล้วว่าการมี ‘สมดุล’ ในชีวิตเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังมีความคาดหวังกับตัวเองทุกวัน ว่าวันนี้คนไข้จะรู้สึกดีขึ้นไหม จนเพื่อนสนิทของเราบอกว่า 

‘มันเหมือนแกพยายามจะพิสูจน์อะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งแกจะไปพิสูจน์จากคนอื่นตลอดไม่ได้ เพราะมันเหนือการควบคุมของแก’ 

คุณค่าของเรา อยู่ที่สิ่งที่เราส่งออกไปด้วยแพชชั่นและใจบริสุทธิ์ที่อยากช่วยเหลือ ไม่ว่าคนไข้จะมีการตอบรับกลับมายังไง ถ้าดีก็เป็นรางวัล แต่ถ้าไม่ดี เรามีสิทธิที่จะเศร้า ใช่ แต่เราจะไปฝากการมองเห็นคุณค่าของตัวเองไว้ที่คนอื่นตลอดมันไม่ได้ เพราะนั่นไม่ได้สะท้อนถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ้นต์ในความเป็นเรา

เหมือนกับการเรียน ความตั้งใจของเรานั้นมีค่า ผิดถูก ครูติเตียน เจอเรื่องไม่คาดฝัน ผลงานออกมาไม่เป็นดั่งใจ นั่นจะกลายเป็นประสบการณ์ให้ตัวเราเติบโตและพัฒนา

แต่การโมโหที่งานเราไม่ดีพอ นั่นก็แปลว่าเรามีหัวใจนักสู้ ที่อยากพิสูจน์ตัวเองอยู่เรื่อยๆ มันคือการเดินทางที่ถึงจะล้มลุกคลุกคลาย แต่ก็มีค่ามากนะ

.

.

.

.

.

.

การให้อภัยตัวเอง ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้

Kelly McGonigal นักจิตวิทยาวิจัยชื่อดังค้นพบว่า การซ้ำเติมตัวเองหลังจากได้ทำอะไรผิดพลาดมา จะยิ่งทำให้เราทำสิ่งนั้นซ้ำอีกในภายภาคหน้า

เช่น เรารู้สึกผิดมากๆ ที่วันนี้ตื่นสายกว่าที่เราตั้งไว้ แล้วก็ใช้เวลาบ่นด่าตัวเองทั้งวันนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าพรุ่งนี้เราก็จะตื่นสายอีก

ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง

ไม่ต้องไปฝืน ถ้ามันจะรู้สึกหงอยบ้าง

.

.

.

อ่อนโยนกับตัวเอง

พูดจากับตัวเองให้เหมือนความหวังดีที่เรามีให้เพื่อนสนิท

รู้จักโอบกอดความผิดพลาด ก่อนผงาดขึ้นสู่ความสำเร็จที่เราได้ตั้งไว้

อ่านบทความจากเพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้บน LINE TODAY ทุกวันอังคาร

ความเห็น 9
  • Serina
    เด็กสมัยนี้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยการตามใจเอาใจมันถึงอ่อนแอเกิดอะไรขึ้นหรือมีอะไรมากระทบจิตใจก็จะฆ่าตัวตายเละไม่เหมือนกับเด็กสมัยก่อนที่เลี้ยงกันด้วยส้นตีนจะฝึกหัดให้เด็กทำอะไรๆด้วยตัวเอง ต้องขอบคุณไม้เรียวสร้างคนของพ่อแม่และคุณครูสมัยก่อนที่ทำให้โผมีชีวิตที่ดีจนถึงทุกวันนี้ได้ T__T
    19 พ.ย. 2562 เวลา 11.34 น.
  • บางครั้งในการจริงจังกับในชีวิตจนมากเกินไปก็ไม่อาจสามารถที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้ ในบางสิ่งบางอย่างก็ควรที่จะปล่อยวางเอาไว้บ้าง แล้วค่อยหาโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้งก็ยังไม่สาย.
    19 พ.ย. 2562 เวลา 11.30 น.
  • pop
    อ่อนแอก็ตาย ใจแข็งก็รอด
    19 พ.ย. 2562 เวลา 18.14 น.
  • Jazz
    ดีจังเลยค่ะ ..ขอบคุณนะ... ....🌸❣️🌸....
    19 พ.ย. 2562 เวลา 11.01 น.
  • chaiyasit
    ในไทยก็ใช่ย่อย โดดตึกหอพักกันเรื่อย
    19 พ.ย. 2562 เวลา 10.49 น.
ดูทั้งหมด