คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย กฤษณา ไพฑูรย์
ปีนี้ดูเหมือนว่า ชีวิตประชาชนคนไทยจะประสบกับมรสุมหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ภัยแล้ง น้ำท่วม บวกเพิ่มมาด้วยปัญหาการจราจรติดขัด และวิกฤตมลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่บั่นทอนสุขภาพกายและสุขภาพใจ
วันนี้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นไม่ใช่เกิดเฉพาะในกทม. แต่ทุกหัวเมืองใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้
อย่างเช่น “เชียงใหม่” จังหวัดที่ในอดีตหลายคนใฝ่ฝันจะไปซื้อที่ดิน ตั้งรกรากเมื่อถึงวัยเกษียณ แต่หลังจากเกิดปัญหา “หมอกควันพิษ” ที่ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ภาคเหนือต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี ทำให้หลายคนล้มเลิกการใช้ชีวิตปั้นปลายในเชียงใหม่ไปเลยทีเดียว
เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาหมอกควันพิษของเชียงใหม่ “ไม่เคยได้ผล” ! แถมช่วงต้นปี 2562 กลับหนักหนาสาหัสกว่าทุกปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะปัญหาการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา
อีก 5 เดือนจะเข้าสู่เดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเกษตรกรจะเริ่มเผาวัชพืช เพื่อปรับพื้นที่ปลูกพืชกันอีกแล้ว แม้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งภายในพื้นที่และนอกพื้นที่จะพยายามเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา และพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อยกระดับการแก้ปัญหาเป็น “วาระแห่งชาติ”
ล่าสุดผู้สื่อข่าวสาวสวยจากจังหวัดเชียงใหม่ “สุธิดา สุวรรณกันธา” รายงานมาว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้บินนำทีมเดินทางขึ้นมาประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมและรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 โดยควงแขน วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เข้าร่วมประชุมกับเจ้าบ้าน 9 จังหวัดภาคเหนือ
แม้ “บิ๊กป้อม” จะบอกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของประชาชน และขอให้ทุกคนทุ่มเทกำลังและทรัพยากร เพื่อหยุดการเผา และควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ตลอดปี 2563
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยเป็น single command โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องติดตามสถานการณ์และบูรณาการ สั่งการป้องกันและควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด หากฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ให้ประกาศห้ามเผาโดยทันที
นอกจากนี้ต้องจัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ ให้ทยอยเผาในปริมาณที่ฝุ่นละอองไม่เกินมาตรฐาน และสั่งการไปถึงระดับตำบล โดยเฉพาะตำบลเสี่ยงเผาซ้ำซาก ให้นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ในส่วนของกระทรวงกลาโหมสนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างเต็มที่ และหารือในกรอบความร่วมมือคณะกรรมการชายแดน เพื่อให้ความร่วมมือและกำชับให้ควบคุมการเผาบริเวณชายแดนอย่างเคร่งครัด
สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องลดจุดความร้อน (hotspot) ในพื้นที่ป่าให้เป็นศูนย์ ในระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 พร้อมกับระดมกำลัง อุปกรณ์ เครื่องมือจากนอกพื้นที่ มาเสริมการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟป่า ไม่ให้เกิดการลุกลามของไฟจนไม่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ และร่วมมือกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนตามกลไกอาเซียนอย่างจริงจัง
ในส่วนกระทรวงคมนาคม ให้กวดขันไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร่งเปลี่ยนพื้นที่เกษตรทั้งหมดใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ไปสู่การเป็นเกษตรปลอดการเผาภายใน 3 ปี
พร้อมกำกับเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” งดสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตร ที่มาจากการ “บุกรุกป่า” อย่างเด็ดขาด และเตรียมพร้อมการทำฝนหลวงในช่วงวิกฤต
ฟัง ๆ ดูแล้ว แผนงานคล้ายกับหลายปีที่ผ่านมา แถมตบท้ายด้วยการบอกว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ 9 จังหวัดภาคเหนือ จังหวัดละ 1 ล้านบาทในการเตรียมความพร้อมป้องกันปัญหาหมอกควันปี 2563 ซึ่งสะท้อนใจว่า เงิน 1 ล้านบาท จะเพียงพอกับปัญหาใหญ่ที่เผชิญอยู่เบื้องหน้าหรือไม่
งานนี้คงต้องวัดใจรัฐบาล จะมัวแต่ใช้เงินจำนวนมากไปแจกจ่าย เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจฉาบฉวยเฉพาะหน้า หรือคิดจะนำเงินงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาระยะยาวอย่างเป็นระบบในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตไปอย่างยั่งยืน ต้องติดตามกันต่อไป
kittaya7896🍀☸️☘️🔯🌼 รอแต่รัฐบาลช่วยจิตสำนึกที่จะช่วยตัวเองก่อนนะมีมัยถ้าช่วยกัน ลด ละ เลิก เดียวรัยดีๆๆก้อเกิดขึ้นถ้าพวกเรามีจิตที่จะทำดีต่อตัวเองและรอบๆๆข้าง
19 ต.ค. 2562 เวลา 08.40 น.
Direk J 789 กูเชียเต็มที่จับปรับ หมูกะทะตามบ้านด้วย เหม็นโครดๆ
18 ต.ค. 2562 เวลา 10.43 น.
Joannie เทวดายังแก้ไม่ได้เลย
18 ต.ค. 2562 เวลา 10.35 น.
che tk คนเห็นแก่ตัวกันเอง ปัญหามันเลยเต็มไปทั้งโลก คนเลยเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่อยุ่บนโลกแล้ว สร้างความฉิบหายให้โลกมากที่สุด ปากก็บอกอยุ่ร่ำไปว่า เพื่อความเจริญๆ มันไม่สังเกตุเห็นบ้สงหรือว่า ยิ่งเจริญ(ทางวัตถุ)ไวเท่าไร ยิ่งฉิบหายเร็วเท่านั้น
18 ต.ค. 2562 เวลา 10.31 น.
Suwatthana38 สร้างจิตสำนึกคนที่เป็นต้นตอให้ได้ ประชาชนทุกคนมีบทบาทในการป้องกันฝุ่นควัน จะยกให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่ได้ เริ่มจากครอบครัว ครอบครัวดี ชุมชนดีส่งผลให้ประเทศชาติดี
18 ต.ค. 2562 เวลา 10.25 น.
ดูทั้งหมด