“นายพุ่มเป็นคนไม่มีตระกูล แต่เป็นคนฉลาดเฉียบแหลมอยู่ ก็คงจะได้ราชการดีในภายหน้า และบางทีจะได้ติดตัวลูกทำการร่วมหน้าที่กันต่อไป–“
เป็นวาทะตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีถึงพระยาวิสุทธิศักดิ์ อัครราชทูตไทยประจำราชสำนักอังกฤษ ทรงกล่าวถึงนายพุ่ม นักเรียนไทย ที่ผ่านการคัดเลือกให้ตามเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก พ.ศ. 2440
ครั้งนั้นทรงมีพระราชดำริให้นักเรียนไทยตามเสด็จ เพื่อเข้าศึกษาในประเทศต่างๆ ตามความเหมาะสม นักเรียนที่ตามเสด็จครั้งนั้นมี 19 คน เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ 5 พระองค์ ลูกหลานขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยอีก 13 คน มีเพียงนายพุ่มเท่านั้นที่เป็นลูกชาวบ้าน ผ่านการสอบคัดเลือกจากนักเรียนทั่วไป อาจนับได้ว่าเป็นนักเรียนทุนคิงสกอลาชิบคนแรกของไทยก็ได้
นายพุ่มเป็นบุตรนายซุ้ย ชาวตลาดพลู เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ สอบคัดเลือกเพื่อตามเสด็จไปยุโรปได้เพียงคนเดียว เป็นที่กล่าวขวัญกันว่า“เป็นคนไม่ใช่บุตรผู้มีตระกูล แต่เกิดมาเป็นช้างเผือก กิริยาวาจาเป็นที่ชอบของคนทั้งหลาย ฉลาดในการเล่าเรียน” เพราะเมื่อสอบได้ทุนนั้นอายุเพียง 15 ปี
นักเรียน 19 คนที่ตามเสด็จครั้งนั้น จะต้องกระจายเรียนตามประเทศต่างๆ ในยุโรป สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ทรงถูกกำหนดให้เข้าศึกษาวิชาการทหารที่ประเทศรัสเซีย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ให้คัดเลือกนักเรียนไทยคนหนึ่งเพื่อไปร่วมเรียนกับสมเด็จเจ้าฟ้าด้วย เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านการเรียน
เกี่ยวกับเรื่องนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงเล่าไว้ในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ความตอนหนึ่งว่า
“—การส่งพ่อไปศึกษาในราชสำนักรัสเซียในครั้งนั้น ทูลหม่อมปู่ทรงมีความคิดอย่างใหม่ คือไม่ทรงอยากจะให้พ่อไปได้รับความสุขสบายและหรูหราที่นั่นแต่องค์เดียว เกรงว่าอาจบังเกิดความสบายและเกียจคร้าน และขาดมานะที่จะพยายามเล่าเรียนให้เต็มที่ จึงทรงตกลงจะส่งนักเรียนไทยที่เป็นสามัญชนไปด้วยอีกคนหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นคู่แข่งในการเล่าเรียน หวังว่าพ่อจะมีขัตติยมานะไม่ยอมแพ้นักเรียนคนนั้น จึงจะทำให้ขยันขันแข็งขึ้นอีก—“
การคัดเลือกนักเรียนที่จะร่วมเรียนกับสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้นั้นพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เพราะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมหลายประการ และยังต้องเป็นที่พอพระทัยสมเด็จเจ้าฟ้าด้วย นายพุ่มได้รับการคัดเลือกเป็นเอกฉันท์ ดังปรากฏในจดหมายกราบบังคมทูลของอัครราชทูตไทยประจำราชสำนักอังกฤษ ความตอนหนึ่งว่า“—ทูลกระหม่อมเล็กเลือกเป็นที่หนึ่ง เคอแนลฮยูม ดอกเตอร์ยาร์เลือกเอาเป็นที่หนึ่งด้วย ข้าพระพุทธเจ้าก็ชอบ และได้กราบทูลไว้แล้วครั้งหนึ่งที่เนเปิลว่าหลักแหลมมาก—“
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงพอพระราชหฤทัย ทรงมีความหวังว่านายพุ่มจะสามารถทำประโยชน์แก่บ้านเมืองต่อไปในอนาคต จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาตอบท่านทูตว่า
“—นายพุ่มเป็นคนไม่มีตระกูล แต่เป็นคนฉลาดเฉียบแหลมอยู่ ก็คงจะได้ราชการดีในภายหน้า และบางทีจะได้ติดตัวลูกทำการร่วมหน้าที่กันต่อไป—“
ข้อความในพระราชหัตถเลขานี้แสดงอย่างแจ่มชัดถึงพระเมตตา ที่ทรงมีต่อบุคคลผู้มีความสามารถในอันที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยมิได้ทรงคำนึงถึงชั้นวรรณะและชาติตระกูล
แต่การณ์มิได้เป็นไปตามพระราชประสงค์ทั้งหมด สมพระราชประสงค์เพียงเบื้องต้น คือการที่ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าทรงมีพระขัตติยมานะในการที่จะแข่งขันเอาชนะนายพุ่มคนสามัญด้านการเรียน ดังจะเห็นได้จากการสอบทุกครั้ง เช่น การสอบครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2442 พระเจ้าลูกยาเธอสอบได้เป็นลำดับที่ 2 นายพุ่มสอบได้ลำดับที่ 4 และการสอบครั้งสุดท้ายพระเจ้าลูกยาเธอสอบได้คะแนน 11.75 จากคะแนนเต็ม 12 นายพุ่มสอบได้คะแนน 11.50 เป็นต้น
ส่วนเบื้องปลายไม่เป็นไปตามพระราชประสงค์ ก็คือเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าศึกษาสำเร็จและเสด็จกลับประเทศไทยนั้น นายพุ่มมิได้ตามเสด็จกลับด้วย ได้ขออนุญาตกระทรวงกลาโหมอยู่ศึกษาภาษาฝรั่งเศสต่อ และมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้นายพุ่มไม่ประสงค์จะกลับประเทศไทย จึงได้สมัครเข้าเป็นทหารม้าฮุสซาร์ และตัดสินใจโอนสัญชาติเป็นคนรัสเซีย อีกทั้งยังเปลี่ยนศาสนาไปนับถือศาสนาคริสต์ด้วย โดยพระเจ้าซาร์นิโคลาสทรงรับเป็นบิดาอุปถัมภ์ในทางศาสนาให้ และยังโปรดพระราชทานนามของพระองค์เป็นนามนักบุญของนายพุ่มด้วยว่า “นิโคลาสพุ่มสกี้”
พุ่มสกี้ได้รับราชการในกองทหารม้าฮุสซาร์ด้วยความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร และจงรักภักดี เจริญรุ่งเรืองจนได้เป็นนายพันเอกผู้บังคับการเหล่าทหารม้า จนเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซียเมื่อ พ.ศ. 2460
ครั้งนั้นพุ่มสกี้ได้แสดงความกล้าหาญซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระเจ้าซาร์ โดยพยายามที่จะอยู่เพื่อปกป้องพระเจ้าซาร์ตามหน้าที่ แต่ทรงมีรับสั่งให้หนีจากรัสเซีย ทรงอ้างว่าเป็นเรื่องของคนรัสเซีย ไม่ใช่เรื่องที่คนต่างชาติจะต้องมารับอันตรายด้วย พุ่มสกี้จึงหนีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส เลี้ยงชีพด้วยการเป็นเสมียนธนาคาร จนกระทั่งได้มีโอกาสพบกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ และได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์
ครั้งหนึ่งในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี พุ่มสกี้ได้เดินทางกลับประเทศไทย และเคยคิดจะเข้ารับราชการตำแหน่งอาจารย์วิชาทหาร แต่ด้วยความเคยชินกับระบบราชการของชาวตะวันตก ไม่อาจรับระบบราชการแบบไทยๆ ได้ จึงเดินทางกลับฝรั่งเศส
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พุ่มสกี้ต้องตกระกำลำบากอันเนื่องมาแต่ภาวะสงครามและสุขภาพไม่ดี หลังสงครามพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ทรงให้ความช่วยเหลือโดยทรงรับไปอยู่ด้วยที่อังกฤษ
พุ่มสกี้ได้ปิดฉากชีวิตที่นำทั้งความสมหวังและผิดหวังมาสู่พระมหากษัตริย์ของไทยพระองค์หนึ่งที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2490 รวมอายุได้ 65 ปี
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 พฤษภาคม 2561
ROJCNX เป็นเกร็ดความรู้ที่หาอ่านที่ไหนยากจริงๆ
25 เม.ย. 2562 เวลา 15.57 น.
Supasit.Ngarm Johnny อยากให้นำเสนอเรื่องแบบนี้เยอะๆครับ คนไทยเก่งๆมีอีกเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเลยครับ
11 พ.ย. 2562 เวลา 12.32 น.
มาก คนเนรคุณแผ่นดิน ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ
04 มี.ค. 2565 เวลา 15.26 น.
ATHI เพชรเม็ดงามแห่ง เทพศิรินทร์
12 พ.ย. 2562 เวลา 02.25 น.
San สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
09 พ.ค. 2563 เวลา 00.54 น.
ดูทั้งหมด