นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนชื่อดัง เขียนบทความเรื่องจิตสำนึก 3 แบบ ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า…
“จิตสำนึก 3 แบบ”
มีคนจำนวนมากบอกว่า “รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์” ทั้งที่ยึดอำนาจและได้รับการเลือกตั้งมานั้นไม่แตกต่างกับ “รัฐบาลของระบอบทักษิณ” เพราะมีรัฐมนตรีที่สำคัญคนเดียวกัน จึงสรุปได้ว่ารัฐบาลไหนก็ “เหมือนกัน”
ประชาชน 2 ฝ่ายที่สู้กันมานานนับสิบปีก็เหนื่อยเปล่า บาดเจ็บล้มตายเปล่า
แต่ถ้าเรามองที่ “อุดมการณ์” ของทั้ง2ฝ่ายก็จะเห็นว่าไม่เหมือนกัน
“แกนนำ” ของรัฐบาล "ระบอบประยุทธ์" นั้นมีอุดมการณ์ “อนุรักษ์นิยม” คือต้องการธำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ส่วนแกนนำของรัฐบาลของระบอบทักษิณนั้นต้องการสถาปนาระบอบ “เสรีนิยม” (ที่มีคอมมิวนิสต์หรือนักสังคมนิยมเป็นแนวร่วม ส่วนพวกคอมมิวนิสต์ก็หวังใช้ระบอบทักษิณเป็นเครื่องมือ..ในฐานะ “คู่ขัดแย้งหลัก” กับระบอบเดิม)
อุดมการณ์แตกต่างกันชัดเจน
แกนนำทั้ง 2คนนั้นมี “จิตสำนึกแบบผู้ครอบครอง”
ส่วนนักการเมืองทั้งที่เป็นรัฐมนตรีและเป็น ส.ส. นั้น ส่วนมากแล้วพวกเขาอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ที่ “ชนะ”
เพราะพวกเขาต้องการมีอำนาจ และอำนาจนั้นก็จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่างๆมากมาย ตั้งแต่ทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียง…ทั้งหมดเป็นการเฉลิมฉลองอัตตาของพวกเขาเรามองว่าพวกเขาเป็นกลางๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ต้องการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติก็ได้
มองว่าเป็นพวก “จิตสำนึกให้เช่า” ก็ได้
ข้อดีของการมีพวกจิตสำนึกให้เช่า หรือพวกกลางๆ หรือพวก "ชนะไหนชนะด้วย" ก็คือ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินไปได้ และไม่แตกหักกันทั้ง2ฝ่าย
ส่วนพลเมืองที่แปลว่า "พลังของเมือง" แต่ไม่ค่อยมีพลัง ก็สามารถแสวงหาประโยชน์ได้เช่นกัน คือพยายามเรียนรู้ - รู้ให้เท่าทันนักการเมืองทุกคน ทุกฝ่าย
ประการสำคัญเรียนรู้ – รู้เท่าทัน “อุดมการณ์กับชีวิตจริง” ว่าเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะอุดมการณ์ที่ “นำเข้า” จากต่างประเทศแล้วเอามา “เลี้ยงดู” ไว้ในวัฒนธรรมไทย จะได้ไม่ตกเป็น “เครื่องมือ” ของอุดมการณ์ แต่เอาอุดมการณ์นั้นมาเป็นเครื่องมือ (และไม่ลุ่มหลงนักการเมืองที่เร่ขายอุดมการณ์จนโงหัวไม่ขึ้น)
ผมเคยใช้มีดกับส้อมสำหรับกินปลาน้ำจืดในท้องถิ่นไทย ปรากฏว่าก้างติดคอ ส่วนพ่อแม่ปู่ย่าตายายของผม “กินมือ” จึงเลือกก้างปลาออกได้หมด ซดน้ำแกงก็คล่องคอ ส่วนผมต้องปั้นข้าวเป็นก้อนแล้วพยายามกลืนลงคอ เพื่อให้มันกวาดเอาก้างลงท้องไปด้วย
พวกนักการเมืองหรือพวกนักแสวงหาอำนาจนั้นเขามี "วิถีและวิธี" ของเขา ส่วนพลเมืองอย่างเราๆท่านๆนั้นก็สามารถเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกของตนได้ ว่าต้องการจิตสำนึกแบบไหน
จิตสำนึกแบบ “ผู้ถูกครอบครอง” หรือ “จิตสำนึกอารยะ”
Tana888 เอายามมาเปรียบกับเจ้าของบริษัทได้อย่างไร
21 ก.ค. 2562 เวลา 23.20 น.
Tana888 ไอ้ลุงมันโกงรวยกลุ่มมันเท่านั้นแต่ประชาชนไม่ได้อะไร มีแต่ลำบาก
ทักษิณโกงแต่ประชาชนยังลืมตาอ้าปากได้ บริหารเศรษฐกิจเป็น
21 ก.ค. 2562 เวลา 16.11 น.
Suppaaut เหมือนกันตรงไหนไม่รู้ แต่ที่ต่างกันแน่ๆคือ”สมอง”ต่างกันอย่างมากมาย
21 ก.ค. 2562 เวลา 13.10 น.
Boonchai เท่าที่เห็นคนหนึ่งทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความหวังต่ออนาคตที่ดีขึ้นแต่อีกคนหนึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวังอยู่กินไปวันๆมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าคล้ายๆระบบข้าราชการในปัจจุบันเช้าชามเย็นชามไม่ต้องคิดอะไรมากขอให้มีอะไรกินวันนี้ก่อนพรุ่งนี้ไม่ต้องพูดถึงที่กล่าวมานี้ก็รู้แล้วว่าใครทำเพื่อปชช
21 ก.ค. 2562 เวลา 12.36 น.
เออจะเชื่อยังไงว่าดีหว่า? ตอนนี้ระบบประเทศกำลังจะล่มในมือคุนอยากจะเชื่อแหละแต่ฟังไม่ขึ้นอีกหลายบริยัทรอปิดกิจการเหมือนชันโยมีเยอะนะ กว่าจะ400ก้อคงไม่มีจะรับประทานแล้วไม่เหมือรท่านผุ้มีอำนาจรีบรวยแบบไม่มีเวลาหยุดเอ้อ ปทท
21 ก.ค. 2562 เวลา 12.18 น.
ดูทั้งหมด