การขาดทุนยับเยินป่นปี้เป็นหนี้จำนวนมหาศาล จน (อาจจะ) ต้องถึงกับล้มละลาย ของ “บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)” สายการบินแห่งชาติ ซึ่งมาพร้อมๆ กับการระบาดของ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)
สายการบินแห่งชาติ เจ้าของสโลแกน “รักคุณเท่าฟ้า” แลนดิ้งครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2563 แล้วจอดพักนิ่งสนิทเพื่อหวังโผผินบินสู่เวหากันอีกครั้งหากได้รับการโอบอุ้มฟื้นฟูจากรัฐบาล
ว่ากันว่าการบินไทยขาดสภาพคล่อง มีเงินสดเหลือสำหรับที่จะจ่ายเงินเดือนพนักงานได้อีกไม่เกิน 2 เดือน
ความจริงการบินไทยขาดทุนสะสมมาอย่างต่อเนื่องจนติดลบเป็นหนี้เป็นแสนล้านมาหลายรัฐบาล
สุดท้ายมาหนักหนาสาหัสในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เข้ามาบริหารประเทศด้วยการยึดอำนาจมาด้วยปืน รถถัง กำลังพลจากกองทัพ ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน และได้เป็นนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันที่เรียกว่ามาจากการเลือกตั้ง
แต่นักประชาธิปไตยทั้งหลายไม่มีใครยอมรับเนื่องจากบรรดากลุ่มก้อนของผู้คนที่ร่วมด้วยช่วยกันใช้ความอภินิหารของกฎหมายปูทางย่างเหยียบเข้ามาสืบทอดอำนาจ
การบินไทยได้ชื่อว่าเป็นสายการบินที่ฝักใฝ่การเมืองมากที่สุด ในปี พ.ศ.2556-2557 สหภาพการบินไทยได้เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง และชัตดาวน์ (Shut Down) กรุงเทพฯ กับ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.) ผลประกอบการออกมาปรากฏว่าขาดทุนสุทธิ 15,572.56 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันห้าร้อยเจ็ดสิบสองล้านบาทห้าสิบหกสตางค์)
ปี พ.ศ.2558 ขาดทุนสุทธิ 8,338.42 ล้านบาท (แปดพันสามร้อยสามสิบแปดล้านบาทสี่สิบสองสตางค์), ปี พ.ศ.2559 กำไรสุทธิ 678.11 ล้านบาท (หกร้อยเจ็ดสิบแปดล้านบาทสิบเอ็ดสตางค์) ปี พ.ศ.2560 ขาดทุนสุทธิ 1,555.01 ล้านบาท (หนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบห้าล้านบาทหนึ่งสตางค์), ปี พ.ศ.2561 ขาดทุนสุทธิ 11,525.97 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยยี่สิบห้าล้านบาทเก้าสิบเจ็ดสตางค์) ปี พ.ศ.2562 ขาดทุนสุทธิ 10,802.75 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นแปดร้อยสองล้านบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์)
ถึงสิ้นปี พ.ศ.2563 ซึ่งเกิดเหตุการณ์วิกฤตมีโรคระบาดไปทั่วโลกจนสั่นสะเทือนวงการธุรกิจการบินจนแทบยืนอยู่ไม่ได้ และการบินไทยต้องหยุดบินจึงไม่ต้องคาดหมายเรื่องผลกำไร นอกเสียจากว่าจะขาดทุนมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น
คาดหมายว่าคงต้องเกินกว่าหมื่นล้านแน่ๆ
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอย่างไรกับการบินไทย
ซึ่งมีทั้งผู้เสนอให้ปล่อยให้ล้มละลายขายทรัพย์สินใช้หนี้ไป
หรือรัฐบาลพยายามค้ำจุนด้วยการใส่เงินภาษีอากรของประชาชนให้อีก
เนื่องจากการบินไทยไม่มีแผนในการฟื้นฟูชัดเจนเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารองค์กรให้คืนกลับมาสู่อุตสาหกรรมการบินได้อีก
พูดกันง่ายๆ อย่างไม่ต้องอ้อมค้อมว่า ถ้าการบินไทยยังไม่ได้รับการผ่าตัดใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยทีมหมอฝีมือชั้นยอด ซึ่งย่อมต้องเจ็บปวด สายการบินแห่งนี้คงไม่มีโอกาสโงหัวฟื้นกลับมาหยิ่งผยองได้อีกต่อไป
ไม่น่าเชื่อว่าการบินไทย ซึ่งเคยได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสายการบินที่ดีที่สุดอยู่ในอันดับ 5 ของโลก
และในปี พ.ศ.2558 การบินไทย รวมกับไทยสมายล์ เคยมีเครื่องบินถึง 102 ลำ มากที่สุดในประวัติศาสตร์
เป็นที่เข้าใจกันดีว่าการบินไทยเป็นเหมือนกับสมบัติของกองทัพอากาศ แม่ทัพอากาศเป็นบอสส์โดยตรง เพราะเกี่ยวพันการบินพาณิชย์ในประวัติศาสตร์ในฐานะเจ้าของสถานที่ สมัยตั้งแต่เริ่มต้นเครื่องบิน นักบิน และช่างอากาศยานล้วนมาจากกองทัพอากาศ
การบินไทยเคยมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ถึง 17 คน โดยนับถึงปี พ.ศ.2559 แต่การบินไทยจะถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจทางการเมืองเสมอเพราะเป็นแหล่งผลประโยชน์
ทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลจะเกิดการปลดกรรมการผู้จัดการใหญ่ การโยกย้ายกรรมการบริษัท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นรัฐวิสาหกิจแห่งผลประโยชน์ เป็นที่ทำมาหากินแบบผูกขาดของคนไม่กี่กลุ่มมาอย่างยาวนาน
พนักงานจำนวนมากฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย จ้างเงินเดือนในอัตราสูง เงินรางวัลจำนวนมาก ให้ผลตอบแทนพนักงานทำมาหากินกันอย่างสุขสบาย
แต่ถ้าหากไม่มีเส้นสายเกี่ยวพันกันอย่าหวังได้ย่างเหยียบเข้าไปได้
ในขณะที่ประชาชนเจ้าของประเทศซึ่งมีส่วนสนับสนุนด้วยภาษี แทบไม่เคยได้ประโยชน์อะไร?
ปีพ.ศ.2502 รัฐบาลไทยดำเนินการให้บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด (Thai Airways Company Limited-(บดท.)-(TAC) และสายการบิน สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Airline System-(SAS) ทำสัญญาร่วมทุนกัน
ต่อมาปี พ.ศ.2503 การบินไทยจดทะเบียนจัดตั้งด้วยเงินทุน 2 ล้านบาท เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่ดำเนินธุรกิจการบินพาณิชย์ ในฐานะสายการบินแห่งชาติของประเทศไทย
ถึงวันนี้นับเป็นเวลา 50 ปี—
คณะรัฐมนตรีมีมติให้การบินไทยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปี พ.ศ.2534
และเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 3,000 ล้านบาท
กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ตามมาด้วยธนาคารออมสิน
รวมทั้งกระจายสู่นักลงทุนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ
มีเรื่องเก่าๆ แต่หนหลังเกี่ยวกับการบินไทยมาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้ได้รู้กันบ้างถ้ายังไม่รู้
ไม่ทราบว่าคนรุ่นใหม่ๆ จะยังจำสายการบินแอร์สยาม (Air Siam) ได้หรือไม่
แต่ผู้สูงอายุอย่างผม หรือใกล้เคียงกันย่อมจะยังไม่เลือนหายไปไหน
สายการบินแห่งนี้มีพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2508 ภายใต้ชื่อ Varan-Air Siam เกิดหลังการบินไทยประมาณ 4-5 ปี โดยให้บริการราวปี พ.ศ.2512
จำได้ว่าแรกๆ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือที่เด่นดังในสังคมเคยบริหารงานอยู่ช่วงหนึ่ง
แอร์สยาม (Air Siam) เคยทำการบินเส้นทางบินกรุงเทพฯ-ลอสแองเจลิส สหรัฐอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่ถึงปีต้องเลิกไปเนื่องจากไม่คุ้มทุนเพราะเป็นเส้นทางที่มีผู้โดยสารจำนวนน้อย แต่กลับมีการแข่งขันสูงจากสายการบินต่างๆ
แอร์สยามยังมีเส้นทางบินกรุงเทพฯ-โตเกียว และกรุงเทพฯ-ฮ่องกง ซึ่งล้วนเป็นเส้นทางที่การบินไทย สายการบินแห่งชาติให้บริการอยู่
สายการบินแอร์สยามถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาล เพราะไม่ต้องการให้สายการบินอื่นมาบินทับเส้นทางกับสายการบินแห่งชาติ
ในที่สุดบริษัทเครื่องบินที่ให้แอร์สยามเช่าเครื่องมาทำการบินจึงยกเลิกสัญญาเอาเครื่องบินกลับไป สายการบินแห่งนี้ก็มีอันต้องขาดสภาพคล่องล้มละลาย เลิกกิจการไปในปี พ.ศ.2520
พล.อ.อ.กมล เดชะตุงคะ (ถึงแก่อสัญกรรม) อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ระหว่างปี พ.ศ.2517-2520 ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย ซึ่งร่วมอยู่ในคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน (2519) กดดันให้คณะปฏิรูปสั่งปิดสายการบินนี้ในปี พ.ศ.2519
แต่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสมัยนั้นสามารถต่อรองอยู่มาจนถึงปี พ.ศ.2520
อาจารย์หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช (ถึงแก่อสัญกรรม) เป็นนายกรัฐมนตรี (คนที่ 13) ปี พ.ศ.2518-2519 ในนามรัฐบาลสหพรรค ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวของประเทศนี้ ที่ไม่ใช้บริการของการบินไทยสายการบินแห่งชาติ ระหว่างอยู่ในตำแหน่ง เรียกว่าโกรธกับสายการบินแห่งชาติ
โดยท่านบอกว่าสายการบินไทย (อะไร)– “เล่นการเมือง–”
การประชุมคณะรัฐมนตรีในปี พ.ศ.2518 นอกจากเรื่องอื่นๆ แล้วก็มีวาระเพื่อหาทางยุติความขัดแย้งการแบ่งผู้โดยสารของเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง ระหว่างการบินไทยกับแอร์สยาม รายละเอียดเบื้องหลังลึกซึ้งเป็นอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ข่าวเล็ดลอดออกมาว่าอาจารย์คึกฤทธิ์ลำเอียงเข้าข้างทำการช่วยเหลือสายการบินแอร์สยาม
การบินไทยจึงทำการประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งรณรงค์ไม่ให้เลือกพรรคกิจสังคม หลังจากรัฐบาลยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2519
เอกสารในการหาเสียง ใบปลิวต่างๆ ที่แจกจ่ายเพื่อหาเสียงเลือกตั้งของพรรคกิจสังคม ถูกคนการบินไทยห้ามนำเข้าบริษัท
เป็นที่มาของคำว่า การบินไทย “เล่นการเมือง” จากปากท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช เอง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ใช้บริการของการบินไทยทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศอีกเลย กระทั่งพ้นจากตำแหน่ง
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อมาว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนั้น ท่านพยายามช่วย “การบินไทย” ทุกอย่าง เพราะเป็นสายการบินแห่งชาติ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมข่าวที่ออกมาถึงเพี้ยนไปตรงข้าม
Tassanee.OMYGOD ขออภัยอ่านแล้วหาประเด็นไม่เจอ โยงไปถึงท่านคึกฤทธิ์ ประวัติการบินไทยก็ไม่ใช่ เหมือนเอาหน้าสื่อ มาบ่น บ่น บ่น จะบอกว่ามันเจ๊งเพราะอะไรก็รู้กันอยู่ เหน็บพนง.กบท.นิดนึงก็ดี เสียดายเวลาอ่าน
26 พ.ค. 2563 เวลา 05.46 น.
การเมืองคงจะไปเล่นเขาก่อน
26 พ.ค. 2563 เวลา 05.45 น.
Bunleng อีกมาตรการให้ตามยึดทรัพย์ คนทุจริตในการบินไทย กินกันเป็นแสน ๆ ล้านมันต้องตามให้ได้ ไม่ใช่เงินบาทสองบาท ตามรายงานของ ทปท.เช็คง่าย ๆ มีแต่คนพูดถึงแค่ กู้เงิน แล้วบริษัทเอกชนทำไม่ไมขาดทุน
26 พ.ค. 2563 เวลา 05.39 น.
Joe ถ้าจะเจ็งๆนานแล้ว แต่นี่เจ้าของตัวจริงเค้าไม่ปล่อยให้เจ๊งหรอก เอาภาษี ปชช มาอุด
26 พ.ค. 2563 เวลา 05.34 น.
ข้อมูลที่ตีแพร่ อาจเป็นจริงตามนั้น. ส่วนข้อเท็จจริงๆๆๆคืออะไร คนในเท่านั้นที่ทราบ
26 พ.ค. 2563 เวลา 05.28 น.
ดูทั้งหมด