“เก้า-จิรายุ” จากเด็กน้อยสู่ชายหนุ่มทุกวันนี้ยัง “พยายาม” ทำตาม “ความฝัน”
เราเริ่มต้นพูดคุยถึงผลงานในช่วงนี้ของ "เก้า จิรายุ" ที่ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวในด้านงานเพลงอยู่เรื่อยๆ จนอดถามไม่ได้ว่า จริงหรือเปล่า…ที่มีคนบอกว่าเขาอยากเป็นนักร้องมากกว่านักแสดง? “ถ้าพูดถึงงานแสดง เราก็ทำจนเป็นหน้าที่ไปแล้ว เป็นอาชีพหลักและก็เป็นรายได้หลักด้วย อย่างที่ทุกคนเห็น ถ้าถามว่าชอบการแสดงซึ่งเป็นงานหลักไหม ก็ชอบนะครับ ส่วนการร้องเพลงมันเข้ามาทีหลัง เริ่มต้นตั้งแต่เด็กๆ สมัยที่ผมก็เล่นดนตรีแบบเด็กๆ ไม่ได้คิดจริงจัง เราก็ฝันแค่ว่าอยากให้วงได้ไปประกวด อยากให้ได้รางวัล ส่วนเรื่องการร้องเพลงในวงการนี้ ก็เริ่มมาจากการที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เราก็ทำเพราะเราอยากทำ มันจะไปไกลได้แค่ไหนไม่รู้ แต่เราอยากทำและเราตั้งใจทำ ผมคงเลือกไม่ได้ถ้าต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะเราชอบทั้งสองอย่าง”
ความฝันวัยเด็กที่เลือนหาย
เราลองให้เขาคิดเล่นๆ ว่า หากวันนี้ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง เขาจะทำอะไรอยู่ “ผมตอบไม่ได้ เพราะเข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก ผมเคยอยากเป็นหลายอย่างนะ เป็นความฝันแบบเด็กๆ ตามสิ่งที่เราพบเจอในช่วงนั้น อยากเป็นทหารบ้าง อยากเป็นนักบินบ้าง ได้แรงบันดาลใจจากคุณตาที่เป็นนักบิน เคยอยากเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะนี่คืองานที่ใกล้เคียงกับการเป็นไอ้มดแดงที่สุดแล้ว หรือตอนที่แถวบ้านไฟไหม้ แล้วมีนักดับเพลิงมาดับไฟ เราก็อยากเป็นนักดับเพลิง”
เส้นทางสายดนตรีที่ไม่ได้สวยงาม
แม้ว่า "เก้า-จิรายุ" จะมีผลงานเพลงที่ทำร่วมกับเพื่อนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานที่เป็นที่จดจำที่สุดและถูกร้องขอบ่อยๆ เมื่อเขาไปปรากฏตัว หนีไม่พ้น "เพลงวินาทีเดียวเท่านั้น" และ "เพลงทุ้มอยู่ในใจ" จนดูราวกับว่าเพลงใหม่ๆ ของเขาไม่ได้การตอบรับหรือเป็นที่รู้จักมากเท่าที่ควร “ยังไงเราก็รู้สึกภูมิใจกับผลงานเพลงทุกชิ้นแหละ ในเมื่อเราเลือกที่จะทำแล้ว ผมไม่ได้น้อยใจหรืออะไร ไม่ได้คิดมาก เราแค่เห็นคนฟังเขาดีใจหรือมีความสุขกับเพลงของเราเท่านั้นมันก็ดีมากพอแล้ว บอกกับตัวเองว่ามันดีแค่ไหนแล้ว ที่เขามาฟังเพลงของเรา มันอาจจะมีเพลงใหม่ๆ ที่เขาไม่รู้จักบ้าง ถ้าคิดในแง่ดี…เพลงที่เขาขอมานี่แหละที่จะเป็นสะพานให้เรานำเพลงใหม่ๆ ไปร้องให้เขาฟัง เวลาไปเล่นคอนเสิร์ต”
เส้นทางดนตรีสองขั้วอารมณ์
หากยังจำได้ "เก้า จิรายุ" เคยฝากผลงานไว้ในฐานะสมาชิกของวง "Sleeprunway" เมื่อถามถึงความคืบหน้า เขาตอบเพียงแค่ว่า “สำหรับวง Sleeprunway หลังจากซิงเกิลที่ออกไป เรายังไม่ได้ทำอะไรกันต่อ ยังพักกันอยู่ และเราก็ยังไม่เคยคุยกันเลยในวงว่าจะเอายังไงกันต่อ” อย่างไรก็ตามปัจจุบันเขาก็ยังทำงานเพลงอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า “วง Bad Baboon เป็นวงแนวเมทัลครับ นักร้องนำของวงเป็นเพื่อกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ป.4 สำหรับวงนี้ผมก็ไปทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์และทำดนตรี ส่วนอีกวงก็เป็นวงแม่ยายยิ้ม ได้เข้าไปร่วมเพราะว่าเคยไปรับงานเล่นดนตรีแล้วได้เจอกับมือกีตาร์ของวงแล้วเขาชวนมาร่วมวง ซึ่งวิธีการทำงานก็จะไม่เหมือนกัน Bad Baboon ก็จะได้ทำงานเป็นส่วนๆ กันไป ได้ทำในส่วนโครงดนตรีอย่างเต็มที่ ส่วนแม่ยายยิ้มก็จะมีการคุยกันแชร์ไอเดียกันเยอะตั้งแต่เริ่มต้นการทำงาน ทุกคนจะมีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน เรียกว่าวิธีการทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย”
อยากให้คนฟังรู้สึกดีไปกับเพลงของเรา
“ผมผ่านช่วงร้ายๆ ของชีวิตมาได้ด้วยเพลง มันเหลือเชื่อนะว่าแค่การฟังเพลงเฉยๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ พอเราโตขึ้นเราก็อยากให้วันหนึ่งมีคนฟังเพลงของเราและรู้สึกดีไปกับเพลงของเราเท่านั้นเอง มันก็จะรู้สึกฟิน” เก้าเล่าถึงความหลงใหลในการทำงานเพลง พร้อมให้บทสรุปไว้ว่า “หากวันหนึ่งผมตายไป แล้วมีคนอยากรู้จักว่าผมเป็นใคร ก็ให้ฟังเพลงของผม มันมีคำอธิบายถึงตัวผมในตัวเพลงอยู่แล้ว เพราะวิธีการทำงานของเพลงของผมมันเริ่มต้นจากการเล่าเรื่อง ในสิ่งที่รู้สึกหรือเข้าใจมันจริงๆ มากกว่าจะมาคิดแทนคนฟังว่าคนฟังอยากฟังอะไร เพลงของผมจะถ่ายทอดตัวตนของผมออกมา”
🐸Kob🐮 FC. เก้าตลอดจ้า
08 ต.ค. 2561 เวลา 00.33 น.
ชอบน้องมาก
08 ต.ค. 2561 เวลา 00.34 น.
ning น่ารักfc.ๆ
07 ต.ค. 2561 เวลา 17.51 น.
ball2life บอล ตอนเด็กๆ...เรียกมัน บอย...
พอโตมา เรียก...อี บอย....
โตได้ที่...จนต้องเรียก เจ๊....ละ.
เคยแก้ผ้า อาบน้ำด้วยกันอีก...สึด..
07 ต.ค. 2561 เวลา 12.01 น.
Berm =^^= ดีครับ
08 ต.ค. 2561 เวลา 03.13 น.
ดูทั้งหมด