เชื่อว่าบทบาทหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนสามารถเป็นได้ และเป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต นั่นก็คือบทบาทความเป็น ‘แม่’ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การได้อุ้มท้องคลอดอีกหนึ่งชีวิตให้อยู่รอดเป็นทารกเท่านั้น หากแต่เป็นการที่ได้เลี้ยงดู อุ้มชู และฟูมฟักทะนุถนอมลูกน้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามกำลังที่จะสามารถสนับสนุนได้ และเติบใหญ่เป็นคนดี
ทว่าหากมองในอีกมุมหนึ่ง ที่ ‘แม่’ ก็คือผู้หญิงธรรมดา เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อาจผ่านเรื่องราวร้อยพัน ฝ่าฟันทั้งเรื่องที่ดีและร้ายกว่าจะได้มาอยู่ในจุดที่เป็นแม่คน การปรับตัวสู่บทบาทความเป็น ‘แม่ที่ดี’ จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก
มีตำรามากมายที่ร่ายยาวถึงลักษณะของความเป็นแม่ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเลี้ยงดู การอบรมบ่มนิสัย การให้ความรักความเข้าใจ ยกตัวอย่างดังเช่นที่หนังสือ “เลี้ยงลูก ยิ่งใหญ่” โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ได้ให้แง่คิดแด่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ได้พัฒนาตนเองไปพร้อมกับลูกน้อยโดยถอดความมาบทความชื่อ ‘What Makes A Good Parent” โดย Robert Epstein นักวิจัยด้านจิตวิทยา ซึ่งทั้ง 10 ข้อนั้นมีดังนี้
1. การแสดงความรักด้วยการกอด บอกรัก และมีเวลาที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน
2. จัดการกับความเครียดโดยฝึกตีความเหตุการณ์ด้วยมุมมองเชิงบวก
3. ดำรงค์ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่ เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น
4. ปฏิบัติต่อลูกด้วยความนับถือ ส่งเสริมให้ลูกรู้จักช่วยตัวเองและพึ่งพาตนเองให้ได้
5. ส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ ให้โอกาสทางการศึกษา
6. สอนให้รู้จักหารายได้ และวางแผนอนาคต
7. อบรมพฤติกรรม โดยเน้นการเสริมแรงเชิงบวก ใช้การลงโทษเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
8. ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ เช่นชักชวนลูกน้อยให้ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์
9. สอนให้รู้จักกรร่วมกิจกรรมทางศาสนา เป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านจิตวิญญาณ
10. ปกป้องลูกให้ปลอดภัย ดูแลอย่างระมัดระวัง โดยรับรู้ได้จากการทำกิจกรรมและเพื่อนๆ ของลูก
นอกจากนี้ แม่ ยังสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
1. ไม่ใช้อารมณ์กับลูก ไม่ตะคอกเสียงดัง
2. รู้จักพูด “ขอโทษ” กับลูก เมื่อเป็นฝ่ายผิด
3. มีความอดทนกับลูกให้มาก รู้จักยิ้มให้ลูกบ่อยๆ
4. รู้จักที่จะเห็นอกเห็นใจลูก เป็นการปลอบประโลมลูกได้ดีวิธีหนึ่ง
5. แสดงความรักทั้งในการบอกรักและอวจนะภาษา การกอดลูก ให้กำลังใจ การให้ความดูแลเอาใจใส่ช่วยกระชัมความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูกได้มากขึ้น
6. ให้เวลากับลูกให้มากๆ สร้างสายใยความผูกพันธ์อันดี
7. สอนให้ลูกรู้จักคิด ตั้งคำถาม หาคำตอบ และเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา
8. ยิ้มให้ลูกเยอะๆ รอยยิ้มของแม่สามารถเป็นได้ทั้งการให้กำลังใจ การบอกรัก และอีกมากมายหลายความหมายที่ล้วนดีต่อความรู้สึกของลูก
9. อย่าลืมที่จะ ‘โอนอ่อนผ่อนตาม’ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ยอมรับในความผิดพลาด และสอนให้ลูกรู้จักสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน
และในส่วนของฝั่งพระพุทธศาสนาก็ยังมีเรื่องของพระคุณของพ่อแม่ด้วยเช่นกัน โดยได้กล่าวถึงสรุปโดยย่อคือ เป็นต้นแบบทางกาย และเป็นต้นแบบทางใจ ต้นแบบทางกายคือให้กำเนิด ให้ชีวิต ให้ได้เกิดเป็นคนที่สามารถประกอบกรรมดี ใช้ความรู้ความสามารถที่มีให้เป็นประโยชน์ได้โดยมีพ่อแม่เป็นต้นแบบ ส่วนต้นแบบทางใจนั้นก็คือการให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ สมญานามของพ่อแม่ ที่มักนิยมกล่าวว่าเป็นทั้งพรหมของลูก เทวดาคนแรกของลูก ครูคนแรกของลูก และเป็นพระอรหันต์ของลูก ซึ่งได้มีอธิบายได้ดังนี้
พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะเหตุที่มีพรหมวิหารธรรม 4 ประการ ได้แก่
1.มีเมตตา คือมีความปรารถนาดีต่อลูกไม่มีที่สิ้นสุด
2.มีกรุณา คือหวั่นใจในความทุกข์ของลูก และคอยช่วยเหลือเสมอไม่ทอดทิ้ง
3.มีมุทิตา คือเมื่อลูกมีความสุขสบาย ก็มีความปลาบปลื้มยินดีด้วยความจริงใจ
4.มีอุเบกขา คือเมื่อลูกมีครอบครัวสามารถเลี้ยงตนเองได้แล้ว ก็ไม่มีวุ่นวายกับชีวิตครอบครัวลูกจนเกินงาม และหากลูกผิดพลาดก็ไม่ซ้ำเติม แต่กลับคอยเป็นที่ปรึกษาให้เมื่อลูกต้องการ
พ่อแม่เป็นเทวดาคนแรก(บุรพเทพ)ของลูก เพราะคอยปกป้องคุ้มกันภัยเลี้ยงดูลูกมาก่อนผู้มีความปรารถนาดีคนอื่นๆ
พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก เพราะสั่งสอนอบรมทั้งคำพูดและกิริยามารยาทให้ลูกก่อนคนอื่นๆ
พ่อแม่เป็นวิสุทธิเทพของลูก เพราะมีคุณธรรม 4 ประการ ได้แก่
1.ไม่ถือสาในความผิดของลูก แม้ว่าบางครั้งลูกจะพลาดพลั้งล่วงเกิน ก็ให้อภัยเสมอ
2.ปรารถนาประโยชน์แก่ลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ก็ยังคงปรารถนาให้ลูกได้ดี มีความสุข
3.เป็นทักขิเณยยบุคคล เป็นเนื้อนาบุญของลูก เป็นผู้ที่ลูกควรทำบุญต่อตัวท่าน
4.เป็นอาหุเนยยบุคคล เป็นผู้ควรแก่การรับของคำนับ และการนมัสการของลูก
มาถึงจุดนี้ จะเห็นได้ว่าการจะเป็นแม่ที่ดีสมบูรณ์แบบนั้นแม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่พื้นฐานหลักใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญคือการเอาใจใส่ ให้เวลา เลี้ยงดูอบรมให้ลูกเป็นคนดี คอยปกป้องลูกจากอันตรายทั้งปวง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด เพราะความปรารถนาดีที่แม่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่ และหวังใจให้ลูกเป็นคนดี มีความสุขความเจริญ เท่านี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็สุขใจหาใดเปรียบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความรักของแม่ที่อาจส่งผลเสียกับลูกนั้นก็มีอยู่เช่นกัน ซึ่งหากรักลูกในทางที่ผิดก็อาจส่งผลเสียได้ อาทิ
1. ตีกรอบลูกจนเขาขาดอิสระ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็นการสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ รวมถึงรู้จักรักและดูแลตัวเองให้ดี สอนให้ลูกรู้จักคิด ตัดสินใจเอง
2. รักลูกมากก็ตามใจมากจนลูกเสียคน โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ควรรู้จักสอนให้ลูกรู้จักความเผิดหวัง และสอนให้รับมืออับความผิดหวังอย่างชาญฉลาด
3. การเปรียบเทียบจนเกิดความอึดอัด ไม่ว่าจะเปรียบเทียบระหว่างพี่น้องคลานกันมา เปรียบเทียบระหว่างลูกหลานเครือญาติ หรือแม้แต่ลูกเพื่อนบ้าน ล้วนส่งผลเสียต่อลูกทั้งนั้น
อ้างอิง : มงคลชีวิต 38ประการ มงคลที่ 11 บำรุงบิดามารดา/theasianparent.com/wikihow.com
สุนันท์ แม่ที่ดี ต้องเป็นแม่ที่”แม๊”ๆๆๆๆ
31 มี.ค. 2565 เวลา 02.07 น.
Maxc แม่ที่ไม่ไช่แบบ อิขุ่นแม๊ อะคะ
28 มี.ค. 2565 เวลา 14.57 น.
วิทยา 01 แม้ไง ดีสุดๆในสามโรค
28 มี.ค. 2565 เวลา 14.15 น.
Mr. Den คำว่าแม่ที่ดี..ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกไอ้คนเขียน!! ไม่ต้องทำเป็นสู่รู้ดีว่าคนเป็นแม่ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้เพราะ คำว่าแม่ที่ดีของลูกแต่ละคนมันเอามาเทียบกันไม่ได้!! สิ่งที่ชี้วัดได้ดีที่สุดของความเป็นแม่แต่ละคนที่มีต่อลูก คือ แค่ลูกของแม่ของพ่อไม่ทำตัวเป็นขยะสังคม..แค่นั้นก็เป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดในโลกแล้ว!!!
27 มี.ค. 2565 เวลา 12.43 น.
Sumphan แม่ที่ดี..ไม่ควรเป็นแบบแม่แตงโ_!!!?!!
27 มี.ค. 2565 เวลา 12.22 น.
ดูทั้งหมด