DBMS คืออะไร ? รวม 7 เหตุผลที่ธุรกิจขาดระบบจัดการฐานข้อมูลไม่ได้ !
หากมองย้อนไปในยุคโบราณนักปรัชญาชื่อดังอย่างอริสโตเติล (Aristotle) ก็ไม่ได้มี "ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System - DBMS)" แน่นอนเพราะว่ายุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เลย แต่เขาก็มีความเชื่อในความสำคัญของการแยกแยะ และวิเคราะห์ข้อมูล หนึ่งในผลงานของเขาคือ "Categories (หมวดหมู่)" โดยเขานำเสนอ 10 วิธีในการอธิบายสิ่งของ ตัวอย่างหมวดหมู่ ได้แก่ ปริมาณ, คุณภาพ, สถานที่, เวลา, ตำแหน่ง และการกระทำ เป็นต้น
อริสโตเติลสามารถจัดกลุ่มข้อมูล กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล และสรุปผลวิเคราะห์ ด้วยความชื่นชอบในการจำแนกประเภทนี้ อริสโตเติลได้นำไปใช้กับวิชาชีววิทยา และศาสตร์อื่น ๆ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างกรอบความคิดวิเคราะห์ให้แก่โลกตะวันตก
ในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับระบบจัดการฐานข้อมูล พร้อมกับสำรวจ 7 เหตุผล ที่ธุรกิจขาดระบบจัดการฐานข้อมูลไม่ได้
ภาพจาก : https://www.javatpoint.com/dbms-full-form
ระบบจัดการฐานข้อมูล คืออะไร ? (What is Database Management System ?)
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management Systems: DBMS) คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดเก็บ เรียกค้น และประมวลผลข้อมูล DBMS ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สร้าง, อ่าน, แก้ไข และลบ ข้อมูลภายในฐานข้อมูลได้
ระบบ DBMS จะทำหน้าที่จัดการข้อมูล เป็นเครื่องมือประมวลผลข้อมูล (Database Engine) และโครงสร้างของฐานข้อมูล (Database Schema) เพื่อให้ผู้ใช้ และโปรแกรมอื่น ๆ สามารถเข้าถึง และดึงข้อมูลออกมาใช้งาน ระบบนี้ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, ความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล, การทำงานพร้อมกันของผู้ใช้หลายคน (Concurrency) และมีกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน
ระบบ DBMS ช่วยจัดระเบียบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคนิคการออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลที่เรียกว่า การทำให้เป็นปกติ (Normalization) ซึ่งเป็นการแบ่งตารางขนาดใหญ่ไปเป็นตารางย่อย ๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลในแต่ละคอลัมน์ ระบบ DBMS มีข้อดีเหนือระบบแฟ้มข้อมูลแบบเดิม (File System) คือมีความยืดหยุ่นสูง และมีระบบสำรองข้อมูลที่ซับซ้อน และปลอดภัยกว่า
ภาพจาก : https://medium.com/@skchamith14/what-is-a-database-management-system-a113d9039a4f
ประเภทของ ระบบจัดการฐานข้อมูล (Types of Database Management System)
ระบบจัดการฐานข้อมูลสามารถแบ่งประเภทได้ตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น รูปแบบข้อมูล (Data Model) การกระจายฐานข้อมูล (Database Distribution) หรือจำนวนผู้ใช้ ประเภทของซอฟต์แวร์ DBMS ที่นิยมใช้กันมีดังนี้
ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distributed Database Management System)
ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบกระจาย คือ ชุดฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันแบบตรรกะ กระจายอยู่บนเครือข่าย โดยมีแอปพลิเคชันฐานข้อมูลกลางทำหน้าที่บริหารจัดการ ระบบประเภทนี้ทำการซิงโครไนซ์ข้อมูลเป็นระยะ ๆ และรับรองว่าการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ จะถูกอัพเดทไปยังฐานข้อมูลทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ
ภาพจาก : https://www.linkedin.com/pulse/distributed-databases-brief-introduction-high-level-walk-chakrabarti
ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบลำดับชั้น (Hierarchical Database Management System)
ระบบฐานข้อมูลแบบลำดับชั้น จัดเก็บข้อมูลตามโครงสร้างแบบต้นไม้ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บแบบบนลงล่าง (Top-Down) หรือ ล่างบน (Bottom-Up) โดยใช้ความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูก (Parent-Child) เชื่อมโยงกัน
ภาพจาก : https://www.heavy.ai/technical-glossary/hierarchical-database
ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบเน็ตเวิร์ค (Network Database Management System)
โมเดลฐานข้อมูลแบบเน็ตเวิร์ค รองรับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยอนุญาตให้ลูกแต่ละคนมีพ่อได้หลายคน ข้อมูลจะถูกจัดเก็บในลักษณะกราฟ (Graph) สามารถเข้าถึงข้อมูลได้หลายเส้นทาง
ภาพจาก : https://mariadb.com/kb/en/understanding-the-network-database-model/
ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management System: RDBMS)
ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) เป็นโมเดลฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย โดยอาศัยหลักการทำให้ข้อมูลเป็นปกติ (Normalization) นั่นเอง
ภาพจาก : https://nexnetsolutions.com/solutions/telecom-service-provider/relational-database-management-system-rdbms/
ตัวอย่างของ ระบบจัดการฐานข้อมูล (Examples of Database Management System)
ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการฐานข้อมูลมีหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งโซลูชันระดับองค์กร (Enterprise) และเปิดเผยซอร์สโค้ด (Open-Source) ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของซอฟท์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
Oracle
ฐานข้อมูล Oracle เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบมีค่าใช้จ่าย (มีใบรับรอง) Oracle ใช้เทคโนโลยีระดับสูง มาพร้อมชุดฟีเจอร์ที่ครบครัน ใช้งานได้ทันที สามารถติดตั้งบนระบบคลาวด์ หรือภายในองค์กรได้
MySQL
MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่นิยมใช้กับระบบจัดการเนื้อหาโอเพ่นซอร์ส (Open-Source Content Management Systems) และแพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Facebook, Twitter และ Youtube
SQL Server
SQL Server พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่ออกแบบบนพื้นฐานของภาษาคิวรี่ (Query) ข้อมูลเชิงโครงสร้าง (Structured Query Language: SQL) ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์มาตรฐานที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลใช้ในการจัดการฐานข้อมูล และเรียกค้นข้อมูล
7 เหตุผลที่ธุรกิจ ขาดระบบจัดการฐานข้อมูล ไม่ได้ (7 Reasons why businesses need Database Management System)
การจัดการข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับองค์กรทุกประเภท การที่เรามีข้อมูลจำนวนมาก แต่ไม่มีการจัดการที่ดีนั้น อาจทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น และอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย การใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลจึงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่ข้อมูลมีความสำคัญเช่นนี้ และต่อไปนี้คือ 7 เหตุผลสำคัญที่ทุกองค์กรควรใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล
1. ระบบจัดการฐานข้อมูลคือส่วนขยายของตรรกะของมนุษย์
ระบบจัดการฐานข้อมูลช่วยในการขยายขอบเขตความสามารถของมนุษย์ในการจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน โดยการนำเอาตรรกะ (Logic) มาใช้ในการจัดเก็บ และดึงข้อมูลมาใช้ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ DBMS ยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดการข้อมูลด้วยตนเอง
DBMS ยังมีฟังก์ชันที่สามารถจัดการข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดการกับข้อมูลเชิงสัมพันธ์ การสร้าง และจัดการตารางข้อมูล และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล ทำให้การจัดการข้อมูลในองค์กรเป็นไปได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/hand-drawn-innovative-concept_20125872.htm#fromView=search&page=1&position=0&uuid=ef1cc773-b1a5-4a0e-99ea-7c9d0c30450e
2. คอมพิวเตอร์ช่วยตอบคำถามได้รวดเร็ว
การใช้ DBMS ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถค้นหา และตอบคำถามจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้ในเวลาอันสั้น ทำให้การตัดสินใจในธุรกิจเกิดขึ้นรวดเร็ว การตอบคำถามอย่างรวดเร็วนี้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนกลยุทธ์ และการดำเนินงานในองค์กร นอกจากนี้ DBMS ยังสามารถสร้างรายงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้ ทำให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์ ทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ลองคิดเล่น ๆ ดู ถ้าหากทุกคนต้องเสียเวลาตามหาข้อมูลเองทั้งองค์กร จะต้องเป็นอะไรที่เสียเวลามหาศาลแน่ ๆ ฐานข้อมูลกลางที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้ตอบคำถามได้รวดเร็ว
- ปีที่แล้วขายสินค้าไปกี่ชิ้น ?
- สินค้ามีสีอะไรบ้าง ?
- ประชุมปีนี้จัดที่ไหน ?
- นัดลูกค้าสัปดาห์หน้ากี่โมง ?
- ต้องทำอะไรบ้างเพื่อบรรลุเป้าหมาย ?
ตัวอย่างคำถามง่าย ๆ เหล่านี้จะสามารถถูกตอบได้รวดเร็วหากอยู่ในระบบฐานข้อมูลขององค์กรที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมในองค์กรได้เป็นอย่างดี
3. การจัดการคำถามที่ซับซ้อน
ฐานข้อมูล ไม่ได้แค่ตอบคำถามง่าย ๆ อย่าง "ขายสินค้าไปกี่ชิ้น" แต่ยังค้นหาข้อมูลแบบเจาะจงได้ด้วยตัวอย่างเช่นเราอยากรู้ว่ามีพนักงานกี่คนที่มีความสามารถพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น พูดภาษาจีนกลางได้ ฐานข้อมูลแบบสเปรดชีตก็อาจจะสามารถช่วยเราคัดกรองออกมาได้ง่ายดาย
DBMS สามารถจัดการกับคำถามที่ต้องใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งหรือมีความซับซ้อนสูงได้โดยง่ายดาย เช่น การรวมข้อมูลจากหลายตารางเพื่อสร้างรายงานที่มีข้อมูลครบถ้วน ทำให้สามารถวิเคราะห์ และสรุปผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ DBMS ยังมีเครื่องมือ และเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยในการสร้างคำถามที่ซับซ้อน และการดึงข้อมูลออกมาใช้งาน ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และมีความแม่นยำสูง
4. ฐานข้อมูลช่วยจัดการข้อมูลมหาศาลให้ใช้งานง่าย
การรักษาความเรียบง่ายเป็นแนวคิดที่ดีในทุกด้านของชีวิต ไม่มีใครต้องการเผชิญกับข้อกำหนดที่ไม่จำเป็นหรือภาระงานเสริมที่ไม่จำเป็นเช่นกัน ระบบฐานข้อมูลที่ดีมักจะมีส่วนหน้า (UI) ที่ใช้งานง่าย และเข้าใจได้โดยตรงสำหรับผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการจัดโครงสร้างข้อมูลในลักษณะที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้โดยไม่ยากเย็น
การใช้ DBMS ช่วยลดความซ้ำซ้อน และความซับซ้อนของข้อมูล ทำให้การจัดการข้อมูลเป็นระเบียบ และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
DBMS ยังมีฟังก์ชันในการตรวจสอบควบคุมความสมบูรณ์ของข้อมูล เช่น การกำหนดกฎเกณฑ์ในการจัดเก็บข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และการบำรุงรักษาฐานข้อมูล ทำให้การจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเชื่อถือได้
5. มีระบบการทำงานเป็นอัตโนมัติ
เราใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อทำงานซ้ำ ๆ ที่ใช้เวลานาน ตัวอย่างเช่น เครื่องมือคำนวณตารางยิงปืน (ENIAC) คำนวณข้อมูลให้กับทหารภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่คนใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ หรือชาร์ลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ ผู้ริเริ่มแนวคิดเครื่องคำนวณอัตโนมัติ ก็ต้องการเครื่องจักรใช้พลังงานไอน้ำมาช่วยคำนวณแผนที่เดินเรือ
การใช้ DBMS ช่วยให้กระบวนการจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยตนเอง การทำงานอัตโนมัตินี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดเวลาในการจัดการข้อมูลทำให้องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ DBMS ยังสามารถตั้งค่า และปรับแต่งการทำงานอัตโนมัติได้ตามความต้องการขององค์กร เช่น การสำรองข้อมูล, การตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล และการบำรุงรักษาฐานข้อมูล ทำให้การจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างปลอดภัย
6.การจัดการข้อมูลด้วยระบบดีกว่าการจัดการด้วยตนเอง
DBMS มีความสามารถในการจัดการข้อมูลได้ดีกว่าการจัดการด้วยตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย และความเชื่อถือได้ของข้อมูล การใช้ DBMS ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายของข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ DBMS ยังมีเครื่องมือ และเทคนิคในการจัดการข้อมูลที่สามารถช่วยให้การทำงานของผู้ใช้เป็นไปได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การจัดการข้อมูลในองค์กรเป็นไปได้อย่างเป็นระบบระเบียบ
7.ช่วยประหยัดเวลาและเงิน
การใช้ DBMS ช่วยลดเวลา และค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อมูล โดยการทำงานอัตโนมัติ และการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล นอกจากนี้ DBMS ยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้แรงงานในการจัดการข้อมูล ทำให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน และการฝึกอบรมพนักงาน ทำให้การจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างคุ้มค่าทางการเงิน
บทสรุปของ การจัดการฐานข้อมูล (Database Management System Conclusions)
การใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย DBMS ช่วยปรับปรุงการจัดการข้อมูล, รักษาความปลอดภัย, ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล, ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสนับสนุนการตัดสินใจที่ดีขึ้น
การลงทุนใน DBMS จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโต และประสบความสำเร็จในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญเช่นนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
➤ Website : https://www.thaiware.com
➤ Facebook : https://www.facebook.com/thaiware
➤ Twitter : https://www.twitter.com/thaiware
➤ YouTube : https://www.youtube.com/thaiwaretv
