อินเดียถูกขนานนามว่าเป็น “เพชรประดับยอดมงกุฎกษัตริย์อังกฤษ” ซึ่งเรามักเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนั้น เพราะโคตรเพชรขนาด 105 กะรัต หนึ่งในเพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง “เพชรโกอินัวร์” ที่ประดับบนอยู่มงกุฎของราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ได้มาจากอินเดียเมืองครั้งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
แต่นั่นเป็นเพียงบางส่วนซึ่งเป็นส่วนที่เล็กน้อยของของฉายา “เพชรประดับยอดมงกุฎกษัตริย์อังกฤษ”
ส่วนที่สำคัญควรเป็น “ผลประโยชน์” จำนวนมหาศาลที่ได้จากอาณานิคมอย่างอินเดีย ชนิดที่ว่าผลกำไรจากอินเดียเพียงประเทศเดียวสามารถใช้เลี้ยงระบบโครงสร้างอาณานิคมทั่วโลกของอังกฤษได้อย่างสบายๆ
ดังตอนหนึ่งในหนังสือ “ประวัติศาสตร์นอกตำรา สยามรัฐตามทรรศนะโลกตะวันตก” (สนพ.มติชน กุมภาพันธ์ 2560) ที่ ไกรฤกษ์ นานา ค้นคว้าและเรียบเรียงเกี่ยวกับอังกฤษกับอินเดีย มีเนื้อหาส่วนหนึ่งดังนี้ (จัดย่อหน้าใหม่และสั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม)
อินเดียมีค่าอย่างไรต่ออังกฤษ?
นายเดนิส จัดด์ (Denis Judd) แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ณ กรุงลอนดอน เขียนบทความ เรื่อง What was India’s value to Britain? ใน History Magazine [ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021] วิจารณ์ข้อโต้แย้งกับข้อมูลในประวัติศาสตร์อังกฤษว่า
“ในปี ค.ศ. 1901 ลอร์ดเคอร์ซอน (ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำอินเดีย) เคยกล่าวว่า ‘ตราบใดที่เรายังปกครองอินเดียตราบนั้นเรายังเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ถ้าเราเสียอินเดียไปเราก็จะร่วงหล่นไปเป็นมหาอำนาจอันดับท้ายแถวทีเดียว’
ความจริงก็คือประเทศอังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งได้เพราะการเป็นผู้เริ่มต้นในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้สามารถผูกขาดระบบเศรษฐกิจและศูนย์กลางการผลิตสินค้าของชาวโลกทั้งหมด นำมาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวย และเสถียรภาพทางการเมืองอันมั่นคง ส่งเสริมให้สามารถพัฒนาแสนยานุภาพทางทะเลและขยายพื้นที่ด้านอาณานิคม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการหาวัตถุดิบ การแสวงหาตลาด และพัฒนาการขนส่ง อันเป็นปัจจัยหลักของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
อินเดียกลายเป็นผลพลอยได้และศูนย์กลางของปัจจัยสำคัญนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายขยายอำนาจของอังกฤษออกสู่โพ้นทะเล นักสังเกตการณ์มักจะตีค่าอินเดียเป็นความภาคภูมิใจของคนอังกฤษ แทนที่จะแข่งอำนาจกับคู่แข่งอื่นที่มัวแต่ยื้อแย่งกันครองความเป็นใหญ่ในภาคพื้นยุโรปที่ปัจจัยเด่นๆ ร่อยหรอลงเต็มที
แต่คุณค่าของอินเดียกลับเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลแก่อังกฤษ มากกว่าความมีศักดิ์ศรีของชาติมหาอำนาจยุโรปเท่านั้น อินเดียมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอังกฤษที่เพิ่มมูลค่ามากกว่าครึ่งของการค้าขายทางทะเลของอังกฤษทั้งหมด และเป็นกำไรสุทธิของเงินลงทุนในการปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษ เพียงผลกำไรที่เกิดจากอินเดียอย่างเดียวก็สามารถใช้เลี้ยงระบบโครงสร้างอาณานิคมทั่วโลกของอังกฤษได้อย่างสบาย
เม็ดเงินจำนวนมหาศาลของทุนจากอังกฤษถูกลงทุนในอินเดีย ผลกำไรใหญ่หลวงไม่ได้เป็นแค่ความคาดหวัง แต่ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมจากโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นในอินเดีย เช่น โครงการรถไฟขนาดยักษ์ และโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่การันตีเงินตอบแทนอย่างไม่มีวันขาดทุนแก่นักลงทุนอังกฤษเป็นเวลานับร้อยปี และไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายให้คนอังกฤษเลยจากการดูแลอาณานิคมนอกประเทศแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นประชากรอันมหาศาลของอินเดียกลายเป็นกำลังสำคัญอันดับหนึ่งของการขยายอาณานิคมออกไปอีก และเป็นส่วนใหญ่ของขุมกำลังด้านกองทัพของอังกฤษที่ใช้ในการศึกสงคราม หรือใช้ข่มขวัญชาวโลกให้เกรงกลัวก็ล้วนมาจากอินเดีย แทนที่จะเป็นนักรบโดยตรงจากอังกฤษ
ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อุบัติขึ้น ทหารหาญชาวอินเดียหลายล้านคนถูกเกณฑ์เข้าไปไว้ในกองทัพของอังกฤษในทวีปยุโรป นอกจากนี้เงินที่ใช้ในการบำรุงกองทัพกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ก็ยังเป็นเงินภาษีจากอินเดียใช้ขับเคลื่อนกองทัพอันเกรียงไกรของอังกฤษ ภายหลังสงครามอังกฤษจึงไม่บอบช้ำมากนัก ต่างกับคู่สงครามชาติอื่นๆ มีอาทิฝรั่งเศสและรัสเซีย ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีในการเยียวยาเพราะเสียหายมากกว่าอังกฤษหลายเท่าตัว
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อังกฤษจะสูญเสียอินเดียไปไม่ได้ และบ่อยครั้งที่อินเดียถูกขนานนามว่าเป็นเพชรประดับยอดมงกุฎของกษัตริย์อังกฤษ”
อ่านเพิ่มเติม :
- “ร้อนราวนรก” สภาพอากาศอินเดีย ที่คนของอาณานิคมอังกฤษต้องเผชิญ
- การล่าเสือของบุรุษอังกฤษยุคบริติชราช พันธกรณีของชายอังกฤษในอินเดีย
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 พฤษภาคม 2564
เพชรที่ไปใช้กำลังบังคับเอามา
11 พ.ค. 2564 เวลา 23.11 น.
T.panaporn มีทรัพยากรดีๆ อะไรเป็นของตัวเองบ้าง ทั้งเพชรนิลจินดา ยันใบชาขึ้นชื่อ ล้วนเป็นสิ่งที่ปล้นประเทศอาณานิคมมาทั้งนั้น
12 พ.ค. 2564 เวลา 06.01 น.
วิริยะ(พงษ์)นาพิลา พวกนี้ชาตินิยมสูงกดขี่ประเทศด้อยพัฒนา
12 พ.ค. 2564 เวลา 04.42 น.
Ph🔺ENiiX•536 การปฏิวัติอุตสาหกรรม และการวางระบบโครงสร้าง มันก็คือคำพูดเวอชั่นสวยหรู ของการล่าอาณานิคมดีๆนี่เองแหระ
11 พ.ค. 2564 เวลา 21.47 น.
ตาริน พวก 3 กีบควภูมิใจ อยากเป็นเมืองขึ้นอัวกฤษ จนตัวสั่น
11 พ.ค. 2564 เวลา 23.37 น.
ดูทั้งหมด