เวลาดูละคร เคยหงุดหงิดฉากที่นางเอกเพิ่งตื่นนอนอยู่บนเตียง แต่หน้าเป๊ะกันไหมคะ
เพราะนางเอกต้องดูสวยตลอดเวลา แม้ฉากที่ถ่ายทำในห้องนอนก็เลยต้องแต่งหน้ามาด้วย
แต่ถึงแม้ไม่ใช่นางเอก…คนธรรมดาอย่างเราๆก็อยากมีชีวิตเป๊ะปังเหมือนกัน
โมเม้นต์ #Wokeuplikethis “ตื่นขึ้นมาก็เป๊ะแบบนี้เลย” จึงไม่ได้เป็นเรื่องของดาราเท่านั้น
เมื่อไหร่กันที่เราเริ่มอยากดูดีตลอดเวลาเหมือนพระเอกนางเอกในละคร
คุณกำลังหลอกลวงโซเชียลอยู่หรือเปล่า
The Perfectionist Generation คงพอจะใช้นิยามชาวโซเชียลสมัยนี้ได้
ติ๊กถูกว่าคุณเป็นหนึ่งในคน Gen นี้ได้เลย หากเคยทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
-ถ่ายรูปเป็นสิบแอ็ค เพื่อเลือกรูปเดียวมาลงโซเชียล
-ไปฟิตเนสแล้วถ่ายรูปมากกว่าออกกำลังกายเพื่อบอกว่า ฉันสุขภาพดี
-ลงรูปกับแฟนที่ดูหวานกว่าความเป็นจริง
-ลงรูปที่ดูมีความสุข แม้ชีวิตกำลังเข้าข่ายพังมากๆ
เมื่อทุกคนย่อมอยากดูดี การเลือกเซนเซอร์ ตัดแต่งชีวิตให้สวยงามถือว่าเป็นการหลอกลวงไหม ? ในทางจิตวิทยา มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับจากคนอื่น
ลึกๆแล้วเราเชื่อว่าการไม่บอกความจริงทั้งหมด (White Lie) รวมทั้งบิดเบือนบางอย่าง จะทำให้เราได้รับความนิยม ไม่แปลกแยกจากคนอื่น เราเรียนรู้การโกหกที่แนบเนียนกันอยู่เรื่อยๆโดยสัญชาตญาน รวมถึงการโอ้อวดแบบอ้อมๆ หรือ ที่เรียกอีกอย่างว่า โอ้อวดแบบถ่อมตัว (Humblebrag)
หลายคนจึงไม่คิดว่าการสร้างภาพให้ดูดีในโซเชียลเป็นการโกหก แค่ “บิดเบือนนิดหน่อย”
อย่างไรก็ตาม แม้ทุกคนจะชอบบิดเบือนกันคนละนิดไม่มากก็น้อย
เวลาเห็นโมเมนต์#Wokeuplikethis ของคนอื่น เรามักลืมกันอยู่เรื่อยว่า คนอื่นอาจจะแอบลุกจากเตียงไปแต่งหน้าก่อนมาถ่ายรูปเหมือนที่เราทำเช่นกัน
อยากดูเพอร์เฟ็คต์ในสายตาเธอ
ความจริงแล้วชีวิตที่ออกสื่อย่อมผ่านการตัดแต่งเยอะเป็นธรรมดา
ขนาดรูปดาราที่ดูเผลอในนิตยสาร ยังผ่านการถ่ายมาหลายช็อต กว่าจะได้รูปที่ดูดีที่สุดออกมารูปหนึ่ง
ในวันที่โซเชียลมีเดียกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เราออกสื่อกันเป็นปกติ จนลืมสั่งคัท
ลืมว่าชีวิตเราไม่ต้องสมบูรณ์แบบตลอดก็เป็นชีวิตที่ดีได้
ความสวยงามของชีวิต คือ การเห็นข้อดีและข้อเสียในตัวเอง เจอทั้งวันที่ดีและแย่ แต่ก็สามารถผ่านมันไปได้ และยังรักตัวเองอยู่เสมอ
ว่ากันว่าคนเรามักกลัวการเปิดให้คนอื่นเห็นบาดแผล ข้อผิดพลาด จุดด้อย ความพังพินาศ
ของตัวเอง กลัวการถูกคนอื่นตัดสิน เลยเลือกที่จะพันแผลปิดเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น
สิ่งที่น่ากลัวคือ เมื่อทุกคนต่างพยายามปิดด้านมืดของตัวเอง
เห็นแต่ด้านสว่าง ชีวิตดีของคนอื่น ทำให้ความเชื่อและการเห็นคุณค่าในตัวเองสั่นคลอน
ข้อควรระวัง คือ ในวันหนึ่งข้างหน้าเราอาจพบว่าเราสะสมเรื่องตัดแต่งจากตัวเองและคนอื่นมากมาย
จนลืมว่าหนังชีวิตทุกเรื่องย่อมมีเบื้องหลังการถ่ายทำ
https://exploringyourmind.com/lies-social-networks/
https://www.huffpost.com/entry/how-social-media-is-lying-to-you_b_8511204
https://www.psychologytoday.com/intl/blog/naked-truth/201807/how-honest-are-people-social-media
About Me
Instagram:http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: https://www.facebook.com/LDAWorld/
Youtube:https://www.youtube.com/ldaworld
Twitter: @faunglada
Website: www.ldaworld.com
Tickety-Boo!!!🐈 จะแปลกอะไร.ในเมื่อสังคมทุกวันนี้..คือสังคมที่ใส่"หน้ากาก"เข้าหากัน.
ในเมื่อสังคมมันบีบให้เราแสดงออกมาเพียงด้านดี..อีกด้านที่เป็น"มุมมืด"ของเรา ก็ต้องถูกซุกซ่อนไปโดยปริยาย.
ด้านดี..ที่ส่งออกไป ส่วน ด้านมืด..เราก็เก็บไว้พิจารณา. เราอาจจะเห็นอีก"แง่มุม"ของคนบางคนว่า....
มึงกับกู..ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก!!!
หรือใครจะเถียง...!?!?
12 ก.ย 2562 เวลา 13.25 น.
ผมคิดว่าการพึงพอใจกับในความเป็นจริงที่เป็นอยู่จะดีที่สุด เพราะว่านั่นจะทำให้ตัวของเราไม่ต้องมาทุกข์ใจกับในการที่จะต้องหลอกตัวเองไปวันๆเพื่อให้ดูดีตลอดเวลา.
12 ก.ย 2562 เวลา 13.26 น.
N_Tansuwannarat เรื่องนี้
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือน "ละคร" ต้อง "โง่" กว่าคนดู
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือน "หนัง" ต้อง "ฉลาด" กว่าคนดู
12 ก.ย 2562 เวลา 12.30 น.
ยุคนี้ใครจะกล้ามั่นใจถ่ายหน้าสดตัวเองโพสต์ลงโดยไม่ผ่านแอพไม่ผ่านการแต่งรูปใดๆ ขนาดดาราเกือบทุกคนยังแต่งรูปบีบรูปกันได้เลย
18 ก.ย 2562 เวลา 07.07 น.
Chuda ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ทำให้ดิฉันลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อไปได้นะคะ ...
13 ก.ย 2562 เวลา 23.15 น.
ดูทั้งหมด