วันนี้ (19 ต.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า 2 ผู้โดยสาร ที่สละที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส ให้นักบิน คือ นายศักดา พันธ์กล้า อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และภรรยา ซึ่งในตอนแรกนายศักดา ยอมรับว่า จองตั๋วชั้นบิสซิเนส จากซูริก – กรุงเทพฯ ไป แต่ระหว่างที่เช็กอินเจ้าหน้าที่เสนอปรับให้เป็นชั้นเฟิร์สต์คลาสเอง โดยไม่ได้ร้องขอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่มักเกิดขึ้นในกรณีที่มีที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสว่างอยู่
โดยหลังจากนั้นนายศักดาและภรรยา จึงเดินไปรอที่ประตูทางออกสำหรับขึ้นเครื่อง และได้รับแจ้งว่าเครื่องบินดีเลย์ ซึ่งตอนนั้นเลยเวลาขึ้นเครื่องมาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ก่อนจะทราบว่าเครื่องบินถูกเปลี่ยนจากที่โบอิ้ง 777 เป็น เครื่องโบอิ้ง 747 ซึ่งลำเล็กกว่า ซึ่งต่อมีเสียงประกาศเรียก นายศักดาและภรรยา ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อไปถึงได้รับแจ้งว่าขอเปลี่ยนที่นั่งจากชั้นเฟิร์สต์คลาส เป็น ชั้นบิสซิเนส ตามเดิม เนื่องจากมีนักบินที่จะเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้ต้องการที่นั่ง และเจ้าหน้าที่พยายามขอเปลี่ยนที่นั่งกับคนอื่นแล้วแต่ไม่มีใครยอม นายศักดา จึงถามกลับว่า หากไม่ให้เปลี่ยนที่นั่งจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งตอบว่า นักบินจะไม่นำเครื่องขึ้นหากนักบินที่จะเดินทางกลับพร้อมกันไม่ได้ที่นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาส และจะเปลี่ยนเป็นการจองโรงแรมให้ผู้โดยสารพักผ่อนก่อน เพื่อรอเดินทางกลับในไฟล์ทบินถัดไป เนื่องจากต้องนำที่นั่งในไฟล์ทบินนี้ให้นักบินก่อน แต่เนื่องจากนายศักดามีธุระที่ต้องกลับมาทำต่อจึงยอมเปลี่ยนตั๋ว พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า “ไม่พอใจกับการกระทำนี้”
ขณะที่หลังจากนั้นเมื่อขึ้นไปบนเครื่อง พบว่า ที่นั่งชั้นบิสซิเนสมีที่ว่างหลายที่ จึงสงสัยว่าทำไมนักบินกลุ่มดังกล่าวไม่นั่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าสาเหตุที่ไม่พอใจไม่ได้เกิดจากการไม่ได้ชั้นเฟิร์สต์คลาส แต่เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ไม่พูดคุยกันก่อนออกตั๋ว และไม่พอใจการที่นักบิน ระบุว่า ไม่นำเครื่องบินขึ้นหากนักบินคนอื่นไม่ได้ที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส เนื่องจากมองว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะทั้งลำมีผู้โดยสารกว่า 300 คน
นอกจากนี้เมื่อกลับถึงประเทศไทย นายศักดาได้โทรศัพท์ร้องเรียนผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ แต่ได้รับแจ้งว่าต้องทำเอกสารเข้ามาร้องเรียน จึงตัดสินใจร้องเรียนตามขั้นตอน เนื่องจาก ต้องการให้เกิดการปรับปรุงแก้ไข รวมถึงต้องการให้นักบินทั้งหมดได้รับการลงโทษเพื่อเป็นบทเรียนว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ไม่ได้ต้องการให้รุนแรงถึงขั้นไล่ออก ทั้งนี้นายศักดา ระบุว่า ได้รับแจ้งว่าขณะนี้การบินไทยกำลังสอบสวนนักบินทั้งหมดอยู่และจะแจ้งผลให้ทราบในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม นี้
ขณะเดียวกัน นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เครื่อง โบอิ้ง 777 กับ เครื่อง โบอิ้ง 747 มีขนาดและที่นั่งใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันที่โดยเที่ยวบินที่ TG971 ซูริก-สุวรรณภูมิ เดิมใช้เครื่อง โบอิ้ง 777 แต่ก่อนเดินทางได้เปลี่ยนเป็นเครื่อง โบอิ้ง 747 ซึ่งมีขนาดและที่นั่งใกล้เคียงกัน ความแตกต่างกันคือ โบอิ้ง 777 มีที่นอนสำหรับนักบิน แต่ไม่มีที่นั่งชั้น เฟิร์สต์คลาส ในขณะที่โบอิ้ง 747 ลำ มีที่นั่ง เฟิร์สต์คลาส แต่ไม่มีที่นอนสำหรับนักบิน ทำให้เมื่อเปลี่ยนเครื่อง ต้องหาที่พักผ่อนให้นักบิน และขยับนักบินมาในที่ เฟิร์สต์คลาส เพราะนักบินที่จะโดยสารไปด้วยจะต้องนับชั่วโมงพักผ่อนให้เพียงพอสำหรับการบินเที่ยวบินต่อไปตามระเบียบการบิน ส่วนผู้โดยสารเดิมที่จองตั๋วชั้นบิสซิเนส ทุกคน มีบางคนที่ได้รับสิทธิเลื่อนชั้นเป็น เฟิร์สต์คลาส เพราะการเปลี่ยนเครื่องเป็นโบอิ้ง 747 มีที่นั่ง เฟิร์สต์คลาส ดังนั้นการขอให้ผู้โดยสารสละที่นั่ง เฟิร์สต์คลาส และย้ายกลับไปนั่งชั้นบิสซิเนสจึงไม่ถือว่าเป็นการเสียประโยชน์
ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้บ่อย แต่ขึ้นอยู่กับการเจรจาของแต่ละสายการบินกับผู้โดยสารว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าการบินไทยผิดพลาดด้านการสื่อสารที่ใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง
HaNuMaN อ่านข่าวนักบินก็ต้องนอนตามกฎ ก็มีคำถามว่า ชั้นธุรกิจนักบินนอนไม่ได้เหรอ แล้วก็อีกคำถามผู้โดยสารชั้นธุระกิจที่อัพมาเป็นชั้น1อีกหลายคนละทำไมไม่กลับไปที่เดิมถ้านักบินต้องนอนเพื่อความปลอดภัยของคน ที่นักบินจะไปขับเครื่องให้
19 ต.ค. 2561 เวลา 12.43 น.
Bill สุรพล การบินไทยรอวันเจ๊ง
รีบแดกก่อนเจ๊งนะ
19 ต.ค. 2561 เวลา 12.42 น.
พวมมึงเป็นเทวดารึงัยนั่งธรรมดาไมได้
19 ต.ค. 2561 เวลา 12.39 น.
S. ถ้าอดีตข้าราชการคนนั้นเป็นเหลิมนะสนุกเลย 5555
19 ต.ค. 2561 เวลา 12.38 น.
"SUWANNACHAI M." ปลาเน่าตัวเดียว ปลาตายทั้งข้อง
19 ต.ค. 2561 เวลา 12.38 น.
ดูทั้งหมด