ไลฟ์สไตล์

นโยบายเปย์เงินของรัฐบาล เวิร์คแค่ไหน? - จุดประเด็น

LINE TODAY
เผยแพร่ 15 ส.ค. 2562 เวลา 08.00 น.

ช่วงนี้รัฐบาลชุดใหม่ขยันคิด ปล่อยนโยบายเอาใจประชาชน ทั้งการที่จะเปย์เงินคนละ 1,500 บาท ให้ไปท่องเที่ยวเมืองรอง เติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการจากโครงการ มารดาประชารัฐ ที่จะแจกให้อีกคนละ 1,000 บาท และยังนโยบายบัตรคนจนที่ผ่านมาซึ่งทำเอาตู้เอทีเอ็มเกือบแตก  

ซึ่งจริงๆแล้วนโยบายการแจกเงินให้กับผู้มีรายได้น้อยก็มีหลายๆประเทศที่เขาทำกัน แต่มองดูแล้วจะเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวหรือแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือเปล่า แล้วประเทศอื่นเขามีวิธีการแจกเงินยังไง เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน และได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้นจากเงินที่แจกไป ลองมาดูกัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในหลายๆประเทศที่เขามีการแจกเงินให้กับผู้มีรายได้น้อย แต่เขาไม่ได้แจกให้ฟรีๆนะ! จะได้เงินก็ต้องมีเงื่อนไข โมเดลนี้เรียกว่า การโอนเงินแบบมีเงื่อนไข “Conditional Cash-transfer Program” หรือ CCT

ในประเทศเพื่อนบ้านเรา อย่าง กัมพูชา ครอบครัวที่มีรายได้น้อยจะได้รับเงินสนับสนุนโดยมีเงื่อนไขเน้นไปที่พัฒนาการศึกษาของเด็ก โดยเด็กๆจะต้องสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก่อนครอบครัวถึงจะได้รับเงิน

หรือในบังกลาเทศ เด็กผู้หญิงที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจนส่วนใหญ่ มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ถึง 18 ปี ในการที่จะแก้ปัญหานี้ รัฐบาลได้แจกเงินสนับสนุนให้แก่เด็กผู้หญิงเหล่านี้ไปเรียนหนังสือต่อ โดยมีเงื่อนไขว่า พวกเธอจะต้องยังไม่แต่งงาน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และในประเทศบราซิล รัฐบาลได้ให้เงินแก่ครอบครัวที่ยากจน แต่จะต้องส่งลูกเข้าโรงเรียน ด้วยสัดส่วนเวลา 85 % ของเวลาเรียนทั้งหมด และเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำ

โดยผลจากการโอนเงินแบบมี "เงื่อนไข" CCT น่าจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยดีขึ้นและยังลดพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความยากจนอย่างการติดแอลกอฮอล์ หรือ อบายมุขได้อีกด้วย

ในขณะที่ประเทศฟินแลนด์ก็เคยทดลองใช้นโยบาย แจกเงินคนจน คนว่างงาน แบบไม่มีเงื่อนไข ตกคนละ เกือบ 20,000 บาทต่อเดือน! ในระยะเวลา 2 ปี ผลปรากฎว่า การแจกเงินไม่ได้ทำให้มีอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่เพียงทำให้คนรู้สึกมีความสุข รู้สึกว่าความเลื่อมล้ำน้อยลงและมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้ก็มีข้อโต้เถียงว่า หากฟินแลนด์จะนำนโยบายนี้มาใช้จริง ควรจะให้แก่คนที่มีรายได้น้อยจริงๆเท่านั้น และต้องหางานไปด้วย หากได้งานแล้วปฏิเสธงานนั้น ก็ควรตัดสิทธิการได้รับเงินจากรัฐบาล

ทั้งนี้มีนักวิชาการได้เสนออีกมุมมองที่ น่าจะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวได้ คือ รัฐอาจต้องมีมาตรการในเชิงบังคับให้ผู้มีรายได้น้อยพยายามหางานทำ สร้างรายได้ไปพร้อมๆกับการรับเงินจากรัฐ โดยควรจะมีการรายงานว่า แต่ละเดือนได้รายได้มากขึ้นเท่าไหร่ หรือมีการสมัครงานอย่างน้อยกี่แห่ง เพื่อกระตุ้นให้สามารถยืนได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน 

และรัฐควรประเมินว่ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย ได้มีการช่วยเหลือตนเองในการสร้างรายได้ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งอาจใช้มาตรการลดเงินสวัสดิการ หรือเปลี่ยนการช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น อย่าง จัดหาช่องทางทำมาหากิน หรือ ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะแรงงานให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

หากจะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน น่าจะเริ่มจากนโยบายที่ควรแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน อย่างการสนับสนุนเรื่องการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญ หรือ ช่องทางในการสร้างอาชีพ เพื่อให้เติบโตด้วยตนเองอย่างมั่นคง

ความเห็น 317
  • NFg_Nitirat 🎮
    ถ้าเรียนดี เรียนผ่านแล้วได้ตังค์ พวกเด็กๆมันจะตั้งใจขึ้นมั้ยนะ อันนี้น่าสนอยู่.. อันนี้น่าสนใจ. แต่ต้องระวังเรื่องคอรัปชันด้วยนะครับ
    19 ส.ค. 2562 เวลา 06.01 น.
  • Chon 289
    สมองผู้บริหาร คิดได้แค่นี้หรอ
    19 ส.ค. 2562 เวลา 01.34 น.
  • Tui Thawatchai
    น่าจะนำเงินไปช่วยเหลือพวกเกษตรกรและชาวนาดีกว่านะ ยางก็ราคาถูกมาก ข้าวก็ราคาไม่ดี หลายๆเรื่องก็แย่มากๆ ชาวนาชาวสวนชาวไร่ต้องการความช่วยเหลือมากๆเวลานี้ เพราะไม่สามารถนำผลผลิตไปขายยังดาวอังคารได้...
    19 ส.ค. 2562 เวลา 01.28 น.
  • Pui
    มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนโยบายที่ย่ำแย่ ทุกวันนี้เอาเงินภาษีมาพัฒนาประเทศแบบนี้ก็ได้เหรอ
    19 ส.ค. 2562 เวลา 01.03 น.
  • หนุ่ม 🌎
    นโยบายซื้อเสียงล่วงหน้าโดยผลาญเงินภาษีฯแบบไม่สร้างสรรค์ คนจนและคนชราตกเป็นเหยื่อกลุ่มนายทุนและพรรคการเมืองบางพรรค
    19 ส.ค. 2562 เวลา 00.44 น.
ดูทั้งหมด