ไอที ธุรกิจ

ซูปเปอร์ไอพีโอ'ซาอุดีอารามโก' สะเทือนหุ้นน้ำมันไทย-กองทุนแห่เทขาย

กรุงเทพธุรกิจ
เผยแพร่ 16 ธ.ค. 2562 เวลา 02.30 น.

"ซาอุดี อารามโก" ถือเป็นบริษัทพลังงานที่มีกำไรและกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก ซึ่งการนำหุ้นออกมาเสนอขายครั้งนี้ เกิดจากแนวคิดของมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย โดยได้นำหุ้นออกมาเสนอขายทั้งหมด 3 พันล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 32 ริยาล หรือ ประมาณ 8.53 ดอลลาร์ เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา

แม้จำนวนหุ้นที่แบ่งออกมาจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 1.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ "ซาอุดี อารามโก" กลายเป็น "ซูปเปอร์ไอพีโอ" ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกและแน่นอนว่าเมื่อเข้าซื้อขายวันแรก (11 ธ.ค.) ในตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบียก็ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะราคาหุ้นพุ่งชนเพดานที่ระดับ 10% ทันที่ตั้งแต่วินาทีแรกโดยราคาทะยานขึ้นไปที่ 35.2 ริยาล หรือ ประมาณ 9.40 ดอลลาร์ ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปพุ่งถึง 1.88 ล้านล้านดอลลาร์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เท่านั้นยังไม่พอในวันต่อมา (12 ธ.ค.)ราคาหุ้นชนซิลลิ่งต่อเป็นวันที่ 2 แตะระดับ 38.7 ริยาล หรือ ประมาณ 10.32 ดอลลาร์ หนุนให้มาร์เก็ตแคปเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ทิ้งห่าง "ไมโครซอฟท์" ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปรองลงมาเกือบเท่าตัว

ด้วยไซส์ที่ใหญ่ขนาดนี้ทำให้"ซาอุดี อารามโก" จะได้รับ "ฟาสต์แทร็ก" เข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI เป็นกรณีพิเศษทันทีโดยจะใช้ราคาปิด ณ วันที่ 17 ธ.ค. นี้แน่นอนว่าเมื่อมีหุ้นเข้ามาใหม่ ย่อมมีหุ้นที่จะถูกคัดออกเช่นกัน กลายเป็นประเด็นกดดันหุ้นพลังงานทั่วโลก รวมทั้งหุ้นพลังงานของไทยด้วยเพราะจะมีกองทุนจำนวนไม่น้อยที่จะต้องปรับพอร์ตการลงทุนเพื่ออิงไปกับดัชนี MSCI

โดยภารดร เตียรณปราโมทย์ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ดัชนี MSCI ได้มีการประกาศว่าจะนำหุ้นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศซาอุดีอาระเบียอย่าง "ซาอุดี อารามโก" เข้ามาคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Markets เป็นกรณีพิเศษ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และจากการตรวจสอบข้อมูลในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา (1 พ.ย.-11ธ.ค. 2562) พบว่า ราคาหุ้นน้ำมันทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากดัชนี MSCI ACWI Energy ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.98% เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เพิ่มขึ้นกว่า 8.6%

รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อหุ้นน้ำมันไทยที่อยู่ในดัชนี MSCI อาทิ บมจ.ปตท. (PTT), บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL), บมจ.บ้านปู (BANPU) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) อย่างเห็นได้ชัด

หุ้นน้ำมันของไทยที่อยู่ในดัชนี MSCI ทั้ง 7 บริษัทถูกนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้น PTT ถูกต่างชาติขายในรอบเกือบ 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมากว่า 8,637 ล้านบาทรองลงมาคือ PTTEP ถูกขาย 3,000 ล้านบาท, IVL ถูกขาย 872 ล้านบาท, PTTGC ถูกขาย 740 ล้านบาท, IRPC ถูกขาย 405 ล้านบาท, TOP ถูกขาย 310 ล้านบาท และ BANPU ถูกขาย 23 ล้านบาท

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ด้านณัฐชาต เมฆมาสินผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่าการประกาศนำหุ้น "ซาอุดี อารามโก" เข้ามาคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Markets ในรอบนี้จะกระทบหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในดัชนีฯ ดังกล่าวสัดส่วนประมาณ 0.16% ซึ่งปัจจุบันน้ำหนักหุ้นไทยที่อยู่ในการคำนวณดัชนี MSCI Emerging Markets อยู่ที่ระดับ 2.7% จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี MSCI ราว 0.04%

อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบดังกล่าวยังไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากมีสัดส่วนต่อหุ้นไทยค่อนข้างน้อย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีการโยกเม็ดเงินการลงทุนออกจากหุ้นพลังงานไปใส่ในหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาบ้างแล้ว สะท้อนได้จากการแห่เทขายหุ้นพลังงานทั่วโลกในช่วงก่อนต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

ดูข่าวต้นฉบับ