บันเทิง

“แกงส้ม ธนทัต” เสาหลักครอบครัวปลดหนี้กว่า 20 ล้าน ลุยเบื้องหลัง แต่ไม่หมดแพชชั่นเบื้องหน้า

PPTV HD 36
อัพเดต 16 พ.ค. 2565 เวลา 11.48 น. • เผยแพร่ 16 พ.ค. 2565 เวลา 08.05 น.
สัมภาษณ์พิเศษ “แกงส้ม - ธนทัต ชัยอรรถ” หรือ “แกงส้ม เดอะสตาร์” ในวันที่เติบโตในหน้าที่การงานและเป็นเสาหลักครอบครัวปลดหนี้กว่า 20 ล้านบาท เผยความรัก “ดาว ณัฐภัสสร” วางแผนอนาคตร่วมกัน

“แกงส้ม ธนทัต” เผยเรื่องลับสุดยอด

สัมภาษณ์พิเศษ! “แกงส้ม ธนทัต” ศิลปินที่เดินตามความฝัน จนเป็นเจ้าของค่ายเพลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มมากความสามารถ สำหรับ แกงส้ม - ธนทัต ชัยอรรถ หรือ แกงส้ม เดอะสตาร์ ที่นอกจากจะโลดแล่นในวงการบันเทิงในฐานะนักร้องและนักแสดงมานานกว่า 10 ปีแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวยังนั่งแท่นบริหารค่ายเพลง OGME ENTERTAINMENT (โอจีมี เอ็นเตอนเทนเมนต์) ปั้นศิลปินเลือดใหม่ รวมทั้งลุยงานเบื้องหลังด้วย

“พีพีทีวี นิวมีเดีย” ได้คุยกับเจ้าพ่อโปรเจ็กต์ “แกงส้ม” ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวที่กว่าจะมาถึงความ “ลงตัว” หนุ่มคนนี้เข้าสู้มาไม่น้อยเลยทีเดียว

สรุปเหรียญ ซีเกมส์ 2021 ล่าสุด ประจำวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. 65

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตอนนี้ทำงานเบื้องหลังเป็นหลัก?

“กับงานเบื้องหลังผมเริ่มทำมาเรื่อยๆ ก็มีทำเพลงให้ศิลปิน ทำเพลงละคร เพลงซีรีส์ ก็เริ่มมีงานแบบนี้เข้ามาเยอะ ก่อนหน้านี้เด็กๆรุ่นใหม่ก็อยากทำเพลงมากขึ้น เราก็ได้คอนเนคชั่นเพิ่มขึ้น ได้การรับการแนะนำมาจากหลายๆคนมากขึ้นว่าเราทำอันนั้นได้อันนี้ได้ และผมชอบการทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ เพราะเขาจะมีวิธีคิดอีกแบบนึงที่เราว้าว ซึ่งนั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เติมไปของเราให้รู้สึกว่ายังอยากทำ ยังอยากอัปเตดเทรนด์ และให้มุมมองอะไรผมมากขึ้น ทำให้เหมือนผมได้มองย้อนกลับไปวันแรกที่เรามีเอเนอร์จี้แบบนี้ และมันเป็นความท้าทายกับตัวผมเองด้วย งานเบื้องหลังสำหรับผมสนุกมาก”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่ก็ยังไม่ทิ้งเบื้องหน้า?

“ไม่ทิ้งครับ งานเบื้องหน้าที่ผ่านมามันอาจจะถูกเบรกด้วยสถานการณ์โควิดด้วย และผมก็ตั้งใจให้เห็นภาพว่าผมทำเบื้องหลังอย่างจริงจังนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีใครไว้ใจให้เราไปทำหรอก ถ้าผมไม่ย้ำภาพแบบนี้ ผมก็จะกลายเป็นนักร้องอย่างเดียวในสายตาเขา การที่เราจะทำให้ใครไว้ใจได้ก็ต้องมีภาพและผลงานตรงนั้นก่อน ถ้าเราพิสูจน์ว่าเราทำได้งานก็จะเข้ามาหาเราแค่นั้นเลย

แต่ในแง่เบื้องหน้าของความเป็นนักร้องเรายังมีแพชชั่น ออกเพลงเรื่อยๆให้คนรู้ว่าเราเป็นนักร้อง และงานเบื้องหน้ากับเบื้องหลังเราไม่ห่างกัน เพลงก็ทำเอง เบื้องหลังก็ทำเอง มันไม่ได้แยกออกจากกันชัดเจน ส่วนงานแสดงตอนนี้ผมยังเบรกไว้อยู่ ก็มีติดต่อมาบ้างแต่ด้วยความที่ผมตั้งเข็มทิศชีวิตว่าเราอยากทำตรงนี้ให้มันดีก่อน มันกำลังมาดีแล้ว แต่มันยังไม่ได้มั่นคง อยากเซ็ตตรงนี้ให้มั่นคงก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งตุ้มๆต่อมๆว่าเรามีเวลาไปทำอีกพาร์ทนึงมั้ย เพราะงานละครมันใช้เวลาค่อนข้างเยอะและต้องทำให้ดี แต่ผมก็ยังไม่ทิ้งการแสดงครับ”

วันแรกที่เป็นเดอะสตาร์ เราก็แต่งเพลงเอง ถึงวันนี้เหมือนได้พิสูจน์ตัวเอง?

“ก็ต้องขอบคุณช่องวัน ที่เป็นคนแรกๆที่ลองให้เราได้ทำอะไรแบบนี้ อย่างเล่นละครก็ให้แต่งเพลงด้วย เขาให้โอกาสเรา และผมก็เริ่มได้งานตรงนี้มากขึ้น ได้ทำงานกับที่อื่นๆ จนเราเริ่มมองว่าเราน่าจะทำเป็นอาชีพได้ และวันนี้มันก็กลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มันตอบโจทย์ในชีวิต ทำให้ผมรู้สึกว่าได้กลับไปเป็นแกงส้มในเวอร์ชั่นแรกก่อนจะเข้าวงการ ที่คิดเพลง แต่งเพลง อยู่กับดนตรีร้อยปอร์เซ็นต์ เหมือนว่าเด็กคนนั้นกลับมาในเวอร์ชั่นที่โตขึ้น พัฒนาขึ้นจนทุกคนยอมรับว่าเราทำได้”

เหมือนเราได้เห็น “แกงส้ม” ในเวอร์ชั่น “แกงส้ม ธนทัต” มากขึ้น?

“ใช่ครับ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เราอาจจะอยู่ในกรอบแต่ผมมองว่าการผ่านประสบการณ์ตรงนั้นมันก็ดีข้อดีนะ มันทำให้เราแข็งแกร่ง เราต้องยอมเสียสละบางอย่างในชีวิต แต่เราก็ได้สกิลอะไรเต็มไปหมดกลับมาเช่นกัน ผมก็เลยรู้สึกว่าชีวิตเรามันไม่รู้หรอกว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่วันที่เราได้รับโอกาสบางอย่างมันอาจจะไม่ใช่ตัวเราร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถ้ามันยังมีความเป็นตัวเราอยู่บ้าง ทำไปก่อน แล้ววันนึงต่อให้อย่างน้อยมันไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยสิ่งที่คุณได้คือทักษะที่คุณไม่มีทางหาได้จากโอกาสนั้น ถามว่าผมมองไปข้างหน้าต่อยังไงค่อยๆเติบโตทีละก้าว ไม่ได้อยากทำอะไรที่เกินตัวเองเกินไป”

หนึ่งในความภูมิใจของ “แกงส้ม” คือการมาทำค่ายเพลง?

“ใช่ครับ คือผมชอบการที่ได้พัฒนาใครสักคนว่าจากวันแรกกับปัจจุบันของเขานั้นเขาพัฒนาได้จริงๆ ซึ่งกับการทำค่าย OGME ENTERTAINMENT หรือที่ย่อมาจาก “ออริจินัลมี” น่าจะ 3 ปีแล้ว ถ้านับการทำงานจริงจังน่าจะอยู่ปีที่ 2 เพราะช่วงโควิดด้วยความที่เราเป็นค่ายเล็กเราก็ต้องฟรีซทุกอย่างไว้ ซึ่งเราก็พยายามผลิตศิลปินไทยรุ่นใหม่เตรียมพร้อมไว้

การคัดเลือกเด็กหรือปั้นศิลปินผมก็ยังยึดหลักชื่อค่าย “ออริจินัลมี” พยายามหาตัวตนที่ดีที่สุดของเขาออกมาให้ได้ เราจะเจอเด็กที่ทำได้หมด แต่ในแง่การดึงความชัดเจนของศิลปินต้องตอบให้ได้ว่าอะไรที่ชอบที่สุด และดูว่าสิ่งที่เป็นภาพรวมของค่ายมันตรงกันมั้ย ต่อจากนี้ผมก็คิดว่าคงนำคอนเนคชั่นที่มีต่างๆมาใช้ ทำงานร่วมกับศิลปินเกาหลีหรือต่างชาติ และแพลนของศิลปินในค่ายก็คงมีผลงานต่อเนื่อง

ปีนี้ก็จะมีการทำน้องๆเกิร์ลกรุ๊ปที่ทำค้างไว้ เดบิวต์ออกมาให้สำเร็จให้ได้ โดยมีการออดิชั่นคัดให้เหลือ 12 คน และกำลังทำกึ่งๆการแข่งขันเพื่อให้ได้เกิร์ลกรุ๊ป 4 คน ถ้าถามถึงความแตกต่างและลายเซ็นของค่าย OGME ต้องเป็นยังไง คือค่ายผมเบสท์ฮิปฮอปอยู่แล้ว แต่จะไม่ใช่ฮิปฮอปจ๋าๆ จะเป็นฮิปฮอปผสมกับป๊อปและอาร์แอนด์บี อาจจะไม่ใช่แรปเปอร์แบบดุดัน อาจจะมีบ้างแต่ไม่ใช่เมนหลัก ผมรู้สึกว่าตลาดที่เป็นฮิปฮอปแท้ๆมีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว เราก็จะดึงในสิ่งที่เราถนัดมาทำแนวอาร์แอนด์บี ฮิปฮอป เกิร์ลกรุ๊ปของเราอาจจะไม่ไปในทางใสๆน่ารักขนาดนั้น คงมีความเป็นฮิปฮอป แต่ฟังง่าย ฟังได้ เพลงเพราะ”

ล่าสุดดึงเอาไอดอลเกาหลี “คิมกุกฮอน” มาร่วมงานด้วย ทำแฟนเพลงฮือฮามาก?

กับ “คิมกุกฮอน” เราคิดว่าจะพาเข้ามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วช่วงธันวาคม ก็จะเป็นโปรเจ็กต์ที่เราร่วมกับ Thailand Society แต่ปลายปีที่แล้วมาตรการเข้าออกประเทศมันยากกว่านี้ ก็เลยต้องเลื่อนออกไปก่อน แล้วพอดีมีช่วงเวลาที่เขามีแพลนที่จะมาถ่ายรายการกับทีมเกาหลีที่เมืองไทยอยู่แล้ว ผมก็คุยกันว่างั้นเราสร้างผลงานไว้ที่นี่เลยดีกว่า อย่างน้อยเขาก็จะได้มีผลงานหรือมาไทยจะได้มีเพลงให้ร้อง แล้วผมก็เลยเอาศิลปินที่กำลังมาในค่ายอย่าง “ตาแตม” (TATAM หรือ NOEL)และศิลปินน้องใหม่อย่าง “แดนนี่” (DANNY) มาร้องด้วย ในคอนเซ็ปต์ก็คือ “OGME Family X Kim Kook Heon”

กับเพลง “ลอย (CLOUND 9)” ใช้เวลาทำเพลงนี้เร็วมาก 2 วันเต็มๆ แล้วผมก็เว้นท่อนเกาหลีที่กุกฮอนโซโล่ไว้ เขาก็แต่งเนื้อเองด้วย แล้วผมก็บังคับให้เขาร้องภาษาไทยด้วย (หัวเราะ) แล้วเขาก็ทำผมตกใจเพราะเขาร้องภาษาไทยชัดมากๆ แล้วหลังจากเพลงถูกปล่อยออกไปแฟนๆชอบ ก็ดีใจครับเพราะพวกเราก็ตั้งใจกับเพลงนี้กันมากจริงๆ ผมอยากขอบคุณทุกฝ่ายและทุกคนที่สนับสนุนโปรเจ็กต์นี้ ทำให้ค่ายเล็กๆอย่างเราสามารถที่จะมีกำลังใจในการทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป ในอนาคตเราจะร่วมมือกับศิลปินคนไหนก็อยากให้ติดตามกันครับ”

สัมผัสเสน่ห์ “คิมกุกฮอน” ไอดอลสุดคิ้วท์ กับการร้องเพลงไทยครั้งแรก เผยความประทับใจรัก “แฟนคลับชาวไทย”…

เรื่องงานทุ่มสุดตัว เรื่องส่วนตัวก็เต็มที่ เป็นเสาหลักดูแลครอบครัว มาประกวด “เดอะสตาร์” เพื่อช่วยปลดหนี้?

“ใช่ครับ ทุกวันนี้บ้านผมหนี้ยังไม่หมดเลย คนอื่นจะชอบสงสัยว่าทำงานมา 10 ปี ทำไมหนี้ไม่หมดสักที คือหนี้ประมาณ 20 กว่าล้านบาท เพราะบ้านผมเป็นยุคเปลี่ยนผ่านที่คนไม่ค่อยใช้โรงพิมพ์ พออิงค์เจ็ทเข้ามาคนจะทำหนังสือในจำนวนน้อยๆเขาก็ไม่ต้องใช้โรงพิมพ์แล้ว ก็เลยโดนช่วงนั้นซัดหนักมาก ก่อนผมมาประกวดเดอะสตาร์ 8 เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านพอดี แม่ก็พยายามสู้มาให้มันเลี้ยงไปได้ แม่จะชอบทำว่าทุกอย่างปกติ

แต่พอผมออกจากบ้านเดอะสตาร์ปุ๊ป ก็รู้แล้วว่ามันไม่ปกติ ก็ต้องนั่งคุยกับแม่และครอบครัวว่ามันยังไง มีอะไรบ้าง ก็วางแผนกันว่าค่อยๆ เพราะผมก็บอกว่าเป้าหมายผมไม่ใช่ปิดหนี้ให้เร็วที่สุด เป้าหมายผมคือผิดไปทีละก้อนๆ เพราะผมก็ต้องเอาเงินบางส่วนมาต่อยอดของเราเองด้วย เหมือนต้องแยกเป็นสองขา ขานึงเราใช้หนี้ ขานึงเราก็ต้องซื้อทรัพย์สินเราเก็บไว้ด้วยเพื่อนอนาคต มันเลยกลายเป็นว่ามันอาจจะหมดช้าหน่อย แต่วันนึงมันหมดแหละ มันจะได้หมดไปพร้อมกับทรัพย์สินที่เป็นของเราเองบวกเข้ามาด้วย

ถ้าไม่อย่างนั้นวันนี้ผมอาจจะหมดหนี้ แต่ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย เพราะหนี้บางก้อนเราค่อยๆใส่ไปได้ ประจวบเหมาะกับวัยเราก็กำลังหาความมั่นคงในชีวิต ผมก็เป็นเสาหลักใช้หนี้ทั้งหมดคนเดียว ส่วนคุณพ่อท่านทำงานหาเงินมาก็ดูแลในบ้าน ก้อนหนี้จะเป็นผมที่ดูแลตรงนั้น ถามว่ากดดันมั้ย ก็บางครั้งครับเพราะจะมีบ้างในช่วงที่งานเราได้รับผลกระทบด้วยสถานการณ์ต่างๆ และในระหว่างที่ปลดหนี้ผมก็อยากให้ครอบครัวดีขึ้นด้วย ก็มีการดูแลตรงนั้น ดังนั้นคำว่าหมดช้าจังมันมีเหตุผลของมันอยู่แล้วครับ ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว เหลือไม่เยอะครับ”

ทุกอย่างดูลงตัวมากขึ้น รวมถึงความรักกับ “ดาว ณัฐภัสสร”?

“ครับ ผมว่าในทุกๆครั้งที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆมันทำให้เราเรียนรู้ในแง่ของความสัมพันธ์ ผมว่าเราต้องการความเรียนรู้คนที่อยู่ข้างๆเราให้ได้มากที่สุด ผมต้องบอกก่อนว่าเวลาคบใครผมจะไม่คิดเผื่อไว้ว่าจะเจอคนอื่น รู้สึกว่าต้องเต็มที่เพราะว่าไม่งั้นมันเสียเวลาด้วยกันทั้งคู่ ชีวิตมีหลายพาร์ทที่ต้องไปทำถ้าเรื่องนี้เราไม่ใส่ใจและพยายามจะแค่มีไปงั้นๆ ก็ไม่ต้องมีเลยดีกว่า

การมีคนข้างๆมันเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันทั้งต่อให้จะเป็นวันนี้หรืออนาคต ผมเลยรู้สึกว่าเราตั้งใจที่จะศึกษาเขาจริงๆว่าอยู่ด้วยกันได้มั้ย นิสัยใจคอมีอะไรที่เข้ากันไม่ได้ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าช่วงโควิดเป็นช่วงที่ทำให้เราได้เห็นอะไรในกันและกันเยอะ ว่านิสัยที่ชอบไม่ชอบ ดีไม่ดี มันก็เป็นอีกหนึ่งช่วงที่ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น”

วางแผนอนาคตร่วมกันไว้บ้างหรือยัง ก่อนหน้านี้ถูกเข้าใจผิดว่าขอแต่งงานแล้ว?

“(หัวเราะ) ตอนนั้นคนเข้าใจผิดเยอะจากที่เขาลงคลิป แต่ผมก็บอกว่าทุกคนใจเย็นๆก่อน ดูคลิปให้จบก่อน ผมว่ายังมีคนคิดว่าผมขอแต่งงานไปแล้วด้วยซ้ำ แบบขอแล้วแต่ไม่บอกอะไรแบบนั้น แต่ว่ายังครับยังๆ ถามว่าคนนี้มั้ยเหรอ ใช้คำว่าผมก็ไม่คิดจะมองคนอื่นดีกว่า เอาตรงๆเลยเราก็วางแผนคุยไว้คร่าวๆเหมือนกัน

แต่ว่าเราก็ยังไม่ได้วางแพลนกันจริงจังว่าเมื่อไหร่ เราคบกันมา 4 ปีกว่า แล้วผมว่าพอผมอายุ 30 ปี ก็รู้สึกว่าความมั่นคงในชีวิตต้องเริ่มแล้ว เราอายุห่างกันเกือบ 3 ปี เขาโตกว่าผมและเป็นฝ่ายดึงสติผม ด้วยความที่ผมเป็นคนเจ้าโปรเจ็กต์ก็จะใจเร็วนิดนึงในบางครั้งในเรื่องธุรกิจ เขาก็จะเป็นคนที่เบรกเรา เขาเป็นซุปเปอร์ซัพพอร์ต ไม่เคยห้าม ไม่ว่าไม่อะไร แต่จะคอยช่วยดูและคอยบอก ก็ทำให้ผมบาลานซ์ชีวิตได้”

คู่เราใครหวานหว่ากัน?

“ผมก็ไม่รู้ว่านิยามความหวาน ความโรแมนติกมันคืออะไร เพราะคู่เราก็ไม่ได้หวานหรือเป็นสายคลั่งรักขนาดนั้น เรามีคาแร็กเตอร์ของเราอยู่ แล้วเราก็รู้สึกว่าไม่เหมือนสมัยวัยรุ่นตอนเด็กๆที่เวลารักใครใจจะเต้นๆ อยากเจอจังเลย ไม่ไหวแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว จะเป็นความธรรมดาแต่พิเศษ เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่มีเขาอยู่ตรงนี้ เวลาเหนื่อยๆก็รู้ว่าเราจะมีเขานะ แต่ก็มีเติมความหวานกันแหละครับ แค่อาจจะไม่ได้อลังการ”

เราสายเปย์ไหม?

“ไม่ครับ คู่ผมคุยกันเลยนะว่าของแพงไม่ต้องซื้อนะ เขาก็บอกผมนะว่าถ้าอยู่ๆผมซื้อของหลักหลายแสนมาให้ในวันที่เรายังไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น ไม่ต้องทำเลยนะ เขาโกรธนะ เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า นอกจากว่าถึงเวลาสมควรและพิเศษจริงๆ เขารู้ว่าผมยังภาระที่ต้องจัดการ อย่างเวลาที่เขาจะซื้อของแพงเขาก็จ่ายเอง เขาเป็นคนทำงานเยอะมาก กว่าจะใช้เงินยากมาก ทริปที่ไปต่างประเทศล่าสุดเขาเลยตั้งเงินไว้เลยว่าเขาจะขอของเป็นซื้อของขวัญให้ตัวเอง ผมก็มีซื้อสร้อยให้เขาวันวาเลนไทน์ที่แอบซื้อจากทริปนั้นมา แต่ก็ไม่แพงมากขนาดนั้น ส่วนเขาเวลาซื้อของให้ผมก็จะเป็นของที่เอาไว้ใช้งานแล้วเราได้ใช้จริงๆ”

ครอบครัวเราก็เอ็นดูเขามากด้วย?

“ครับ โอเคเลย ด้วยความที่เราคบกันมานานเขาก็คงรู้แล้วว่าไม่ใช่คบกันเล่นๆแล้ว และพี่ดาวก็ซัพพอร์ตผมจริงๆ ผมว่าวันนี้ที่บ้านผมรู้แล้วว่าผมสามารถที่จะเริ่มสร้างความมั่นคงของตัวเองได้แล้วแน่ๆ เพราะว่าอย่างเรื่องหนี้สินที่บ้านก็น้อยลงไปเยอะมากแล้ว เขาก็รู้แล้วว่าเราอยู่รอดได้ด้วยตัวเองแล้ว จะไม่มีภาระหนักหนามากมายกับเราแล้ว เขาก็ไม่ค่อยห่วงแล้ว การที่เราจะมีครอบครัวเขาก็ไม่ติดอยู่แล้วครับ”

โปรแกรมถ่ายทอดสดซีเกมส์ 2021 นักกีฬาไทย ประจำวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. 65

โควิด 10 จังหวัดป่วยสูงสุด กทม. รองลงมาสุรินทร์-บุรีรัมย์

ดูข่าวต้นฉบับ