จะกี่ปีเทรนด์ K beauty ก็ยังฮิตอยู่อย่างนั้น! ซึ่งพอนึกถึงงานเมคอัพเกาหลีในช่วงปีนี้ที่มาแรงมากเลยก็คือ เทรนด์เมคอัพ “ Chok Chok ” กับงานผิวฉ่ำ ผิวดิวอี้ ดูสุขภาพดี เล่นแสงเอยใดเอย ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยอย่างเราก็ไม่อยากพลาดเทรนด์นี้เหมือนกัน แต่ก็ยังมีหลายคนเลยที่ยังงงๆ ว่าต้องแต่งยังไงถึงจะออกมาเริ่ดแบบพส.เกาหลีกันใช่ม้าา มานี่ค่ะ ซิสรวบรวมทุกทริคมาให้แล้วว่าต้องทำยังไง ง่ายแบบแทบจะจับมือทำ!
เทรนด์เมคอัพ “ Chok Chok ”
Chok Chok คืออะไร?
Chok Chok (촉촉) ในภาษาเกาหลีแปลว่า ชุ่มชื้น ใช้เพื่ออธิบายความรู้สึกหรือการปรากฏของผิวที่มีความชุ่มชื้น เต็มไปด้วยน้ำและมีความเปล่งปลั่ง คำนี้สามารถแปลได้ว่า "ชุ่มชื้น," "มีความแวววาว" หรือ "สดใส"
เทรนด์เมคอัพ Chok Chok คือ?
เทรนด์เมคอัพ " Chok Chok " ได้รับอิทธิพลมาจาก K-beauty หรือมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมความงามของเกาหลี ที่มีเป้าหมายในการดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ โทนเนอร์ มาสก์ เป็นต้น และเน้นงานเมคอัพที่ดูเบา เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผิวดิวอี้ โกลว์สวย แบบสาวเกาหลี
Chok Chok กับ Glass Skin ต่างกันยังไง?
กระแสนี้ค่อนข้างคล้ายกันและทั้งสองเทรนด์ต่างก็ให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้น แต่จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ Glass Skin จะเน้นงานผิวให้ผิวใสเหมือนกระจก แต่ Chok Chok จะเน้นไปที่ให้ผิวดูนุ่มและชุ่มชื้น
สกินแคร์
ก่อนจะได้เมคอัพงานผิวแบบ Chok Chok อย่างแรกเลยเราก็ต้องบำรุงผิวของเราให้ผิวชุ่มชื้นก่อน แล้วจึงค่อยเสริมด้วยการแต่งหน้าตามมาทีหลัง ซึ่งคีย์หลักๆ ของการบำรุงผิวแบบพส.เกาหลีก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ซิสได้รวบรวมแต่ละขั้นตอนมาให้แล้วว่าต้องทำยังไง ต้องดูแลแบบไหนผิวถึงจะโกลว์พร้อมก่อนจะแต่งหน้าสวยๆ เราไปดูกันเล้ย
- เติมความชุ่มชื้นด้วยไฮยาฯ/กลีเซอรีน
ในเมื่อคำว่า “Chok Chok” แปลว่า ชุ่มชื้น เพราะฉะนั้นเราอยากให้ผิวมีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งตามเทรนด์นี้แล้วล่ะก็ เราก็ต้องมาบำรุงผิวที่หยาบกร้านด้วยการเติมความชุ่มชื้นเข้าไป เคล็ดลับคือให้เราใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมตัวเด่นๆ อย่างเช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด และกลีเซอรีน
กรดไฮยาลูโรนิก มีความสามารถในการกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นได้ดี และมีหน้าที่รักษาสมดุลความชื้นในผิวเพื่อไม่ให้ผิวแห้งและสูญเสียความยืดหยุ่นและโครงสร้าง เค้าเลยเป็นที่นิยมอย่างมากในสกินแคร์เนื่องจากความสามารถในการกักเก็บความชื้นของเค้านั่นเอง
ถ้าเราอยากบำรุงผิวให้เห็นผลลัพธ์จึ้งๆ มากยิ่งขึ้น ซิสแนะนำให้ใช้สกินแคร์ตัวที่มีกรดไฮยาลูโรนิกที่มีโมเลกุลหลายขนาดรวมกัน ทั้งขนาดใหญ่และเล็กก็จะยิ่งช่วยบำรุงได้มากขึ้น ช่วยกักเก็บความชื้นได้ทั้งผิวเผินและล้ำลึก เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำและชุ่มชื้นในระยะยาว
นอกจากไฮยาแล้ว กลีเซอรีนก็เป็นส่วนผสมที่น่าสนใจเหมือนกัน เพราะกลีเซอรีนเค้าก็สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ โดยกลีเซอรีนมักพบในสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มขึ้น และช่วยเคลือบผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย
- เสริมเกราะป้องกันด้วยเซราไมด์
นอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแล้วเราก็ควรเสริมเราะป้องกันผิวให้แข็งแรงไว้ เพราะเค้าเป็นด่านแรกที่จะต้องเจอกับปัจจัยภายนอกต่างๆ และเกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงจะกักเก็บความชื้นได้ดีกว่าผิวที่ถูกทำลาย ซึ่งส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวได้ดีก็คือ เซราไมด์ ปกติเราจะพบเซราไมด์ได้ในผิวแต่เมื่อเราอายุมากขึ้น เซราไมด์ในผิวเราจะลดลง ดังนั้นการเสริมสร้างเซราไมด์จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในการดูแลผิว
เซราไมด์มีความสำคัญต่อผิวของเรา เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของชั้นนอกของผิวหนัง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันผิว โดยเค้าจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวหนังเอาไว้ และถ้าเราลองเจาะลึกคนที่มีปัญหาผิวหนังหลายๆ คน ก็จะพบว่าส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเซราไมด์ในผิวน้อยลง ส่งผลให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงและผิวแห้ง เพราะฉะนั้นการเพิ่มเซราไมด์เข้าไปในสกินแคร์ก็จะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และรักษาความชุ่มชื้นในผิวหนังได้ พอเกราะป้องกันผิวแข็งแรง ผิวเราก็จะแห้งน้อยลง
- ใช้โทนเนอร์/เอสเซนส์เพิ่มความชุ่มชื้น
ถ้ายังชุ่มชื้นไม่พอลองใช้โทนเนอร์และเอสเซนส์ add on แบบพส.เกาหลีเข้าไปอีก ก็จะช่วยทำให้ผิว Chok Chok มากขึ้น เพราะโทนเนอร์และเอสเซนส์จะช่วยเติมเต็มผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก วิธีใช้แบบสูตรพส.เกาหลีก็คือ ให้เราหยดลงบนสำลีสองสามหยดแล้วเช็ดใบหน้า หรือจะหยดลงบนฝ่ามือซักสองสามหยดแล้วค่อยๆ นวดและตบโทนเนอร์ให้ทั่วใบหน้าก็ได้ จากนั้นรอ 2 นาทีแล้วทำซ้ำ 7 ครั้ง (ฟังดูเหมือนเยอะมาก แต่ผลลัพธ์จะออกมาฉ่ำสะใจ ซิสขอ ps. ไว้ว่าวิธีนี้อาจจะเหมาะกับประเทศเมืองหนาวอย่างเกาหลีมากกว่าอากาศบ้านเรา เพราะการทาซ้ำ 7 รอบกับอากาศเมืองไทยอาจจะเยอะไปจนทำให้หน้าเยิ้มได้น้า)
- ใช้มาสก์แผ่นเพิ่มเติมได้
และแน่นอนว่าวงการ K-Beauty สกินแคร์รูทีนเค้าก็จะต้องมีมาสก์แผ่นด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย สะดวกช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและอิ่มฟู ซึ่งตัวแผ่นมาสก์ก็ออกแบบมาเพื่อกักเก็บความชื้นด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หรือด้วยไฮโดรเจลที่จะช่วยให้ผิวดูดซับส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น
#ซิสแจกทริค อย่าลืมอ่านคำแนะนำหลังซองก่อนใช้มาสก์ เพราะมาสก์แต่ละแบบก็จะมีข้อจำกัดการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ให้เราปฏิบัติตามเวลาที่ระบุในคำแนะนำเสมอ ปกติแล้วเราจะใช้เวลาในการทิ้งมาสก์ไว้บนผิวอยู่ที่ประมาณ 20-30 นาที แล้วให้ลอกแผ่นมาสก์ออก อย่าเผลอหลับหรือทิ้งไว้จนแผ่นมาสก์แห้งอยู่บนผิวหน้าเรา เพราะแทนที่มาสก์เค้าจะเพิ่มความชุ่มชื้นแต่กลายเป็นว่าจะดึงความชื้นจากผิวของเราออกไปแทน
เมคอัพ
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าต้องบำรุงผิวยังไงให้ผิวฉ่ามมกันไปแล้ว ขั้นตอนถัดมาเรามาดูกันดีกว่าว่าก่อนจะแต่งหน้าเราต้องมีขั้นตอนยังไงกันบ้าง แล้วเมคอัพเทรนด์ Chok Chok เนี่ยเค้าต้องแต่งกันยังไง หน้าถึงจะออกมาสวยโกลว์ ดู Makeup no makeup ทั้งที่ความจริงคือแต่งหน้าค่ะคุณน้า อะ..เริ่ม!
- ลงมอยส์เจอไรเซอร์
หลายคนเจอปัญหาแต่งหน้าไม่ติด ผิวไม่ฉ่ำ บางครั้งก็ลอกเป็นขุย ก็เพราะยังไม่ได้ทามอยส์เจอไรเซอร์กันไง! ก่อนจะแต่งหน้าอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นกันก่อน เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อเบาๆ อย่าง โทนเนอร์และเอสเซนส์ จากนั้นจึงค่อยทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเข้มข้นขึ้น เช่น ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น และอย่าลืมปิดท้ายด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าง กันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวร้าย
- ฉีดมิสท์หรือสเปรย์
เคล็ดลับผิวฉ่ำน้ำคือการฉีดมิสท์หรือสเปรย์ เพราะเค้ามีคุณสมบัติหลักคือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวไม่ให้แห้งกร้าน และมักมาพร้อมกับส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น รวมถึงส่วนผสมต่างๆ ที่สกัดจากธรรมชาติทั้งพืชพรรณ ผลไม้ และสมุนไพรต่างๆ เน้นเรื่องการเติมน้ำให้ผิว ช่วยลดปัญหาผิวขาดน้ำ สามารถใช้ในขั้นตอนการลงสกินแคร์หรือจะใช้เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ผิวระหว่างวันก็ได้
ทริคก็คือให้เลือกผลิตภัณฑ์ตัวที่มีเนื้อบางเบาและกระจายละอองน้ำได้ละเอียด จนรู้สึกเหมือนกำลังฉีดสเปรย์น้ำแร่ชื้นๆ บนใบหน้า โดยให้ฉีดระหว่างขั้นตอนการแต่งหน้าแต่ละชั้น เพื่อให้เครื่องสำอางซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นและทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ตัวอย่างเช่น:
1. ทามอยส์เจอไรเซอร์ - ฉีดมิสท์ > 2. รองพื้น - ฉีดมิสท์ > 3. คอนซีลเลอร์ - ฉีดมิสท์
*หลังลงมิสท์อย่าลืมรอจนผิวแห้งแล้วค่อยลงขั้นตอนถัดไปนะ
- รองพื้น คอนทัวร์ ไฮไลต์บางๆ
มาต่อกันที่งานผิว การแต่งหน้าเทรนด์ Chok Chok จะไม่เน้นความแน่น ความเป๊ะ ความตึ้บ แต่จะเป็นงานผิวเบาบาง โดยจะใช้ BB Cream หรือ CC Cream ที่มีระดับการปกปิดเล็กน้อยถึงปานกลางแต่ยังให้งานผิวดูโกลว์ดูดิวอี้ และใช้ไฮไลท์ที่จุดต่างๆ เช่น โหนกแก้มและสันจมูกเพื่อเพิ่มความสดใส ส่วนคอนทัวร์ก็จะลงแบบบางๆ ตามบริเวณเช่น กราม จมูก โหนกแก้ม เป็นต้น
- ลงบลัชออนเบาๆ
การปัดบลัชออนอาจจะดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะแต่ละคนก็มีรูปหน้าที่แตกต่างกัน และมีความชอบที่แตกต่างกันไปใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้าเป็นเมคอัพเทรนด์ Chok Chok เราจะใช้เทคนิคในการปัดบลัชออนให้พวงแก้มดูเด้งและสดใสขึ้น โดยจะปัดบลัชออนบริเวณจากโหนกแก้มให้เข้ามาใกล้ๆ กับจมูก เพื่อให้แก้มของเราดูป็อป ดูเด็กขึ้น
- คิ้วไม่ต้องเป๊ะมาก
คิ้วแบบเมคอัพเทรนด์ Chok Chok จะมาในฟีล natural ดูธรรมชาติ เราจะแค่ปัดขนคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้ววาดเส้นคิ้วบางๆ ด้วยดินสอ แต่ไม่ต้องลงเส้นหนักๆ หรือเขียนให้เป๊ะเกินไป เพราะคิ้วลุคนี้จะต้องไม่หนา เบาๆ แบบ Makeup no makeup
- ริมฝีปากแบบไล่เฉดสีเป็นลุค "Blooming Blossom"
ในลุคนี้เราจะใช้เทคนิคการทาลิปสติกแบบไล่เฉดสี ในลุค Blooming Blossom เพื่อทำให้ดูเป็นธรรมชาติและจะทำให้ริมฝีปากเราไล่สีคล้ายกลีบดอกไม้ โดยที่จะลงสีตรงกลางริมฝีปากแล้วค่อยเกลี่ยออกมาด้านนอก ให้ขอบปากดูเบลอๆ และซับเก็บขอบปากเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากขึ้น
รวบตึงมอยส์เจอไรเซอร์ ให้ผิว Chok Chok อันไหนดี อันไหนควรตำ!
ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง
- Physiogel Soothing Care Ai Light Cream ช่วยลดการอักเสบ ลดระคายเคืองดีมาก
- Curecode Double Barrier Cream เนื้อเข้มข้น ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- Dr.G Red Blemish Clear soothing cream เนื้อเจล เนื้อจะบางเบา ลดระคายเคือง ลดรอยแดงได้ดี
ผิวแห้ง
- Hada Labo Premium Lotion เนื้อโลชั่นหนืดนิดๆ ช่วยให้ผิวอิ่มฟู แต่งหน้าติดมากขึ้น
- La Roche Posay Cicaplast Baume B5+ เนื้อเข้มข้นแต่ไม่ได้ทำให้อุดตัน ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก
- Kiehl's ultra facial cream เนื้อครีมหนัก ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟูมาก
ผิวมันขาดน้ำ
- Cerave Facial Moisturising lotion เนื้อโลชั่น ซึมไว เหมาะกับคนที่ผิวหน้าลอกเป็นขุย
- Skintific 5x Ceramide เนื้อครีมเจล ซึมไว ให้ความรู้สึกเย็นๆ ที่ผิวเมื่อทา สบายผิว
- ATOPALM Soothing Gel Lotion เนื้อเจลบางเบา ให้ความชุ่มชื้นดี ไม่ทำให้หนักหน้า
อ่านจบทำตามครบทุกทริค รับรองว่าได้ลุคหน้าฉ่ำเป๊ะ! แถมผิวหน้ายังสุขภาพดีอีกเพราะบำรุงถึง ซิสแนะนำให้ทุกคนดูแลผิวด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการแต่งหน้าลุค Chok Chok ไปอย่างนี้ เพราะผิวของเราไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ยังต้องการความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และนอกจากการทาสกินแคร์แล้วอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ แต่ไม่ควรมองข้ามไปเลยก็คือการดื่มน้ำนั่นเอง เพราะการที่มีสุขภาพดีจากภายในจะยิ่งทำให้เราสวยจากภายนอก❤️
Designer : tt.
Writer : Babypeachy
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก : glowid, allure, voguethailand, wonderskincare, timesnownews