พิษเอ๋ 1700 ไร่! จ่อยึดที่ ส.ป.ก. คืนอื้อ "ปารีณา-นักการเมืองฝ่ายรัฐ-วัดดัง" โดนยกแผง

ธรรมนัส เล็งยึดที่ ส.ป.ก. หลังได้กลิ่นมีนักการเมืองถือครอง ประชาธิปัตย์ เขตภาคใต้. ภูมิใจไทย ที่โคราช ชลบุรีก็เยอะ ด้านที่ปารีณา ต้องยึดคืนเพราะถือครองเกิน 50 ไร่

15 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้การตรวจสอบการถือครองพื้นที่ในเขตการฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อย่างไม่ถูกต้อง เบื้องต้นพบนักการเมืองมีการถือครองส.ป.ก.จำนวนมาก ซึ่งได้มาตั้งแต่สมัยที่มีการแจก ส.ป.ก. ใหม่ๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่ดินทำกินของเกษตรกร หากพบว่า มีนักการเมืองที่ถือครองส.ป.ก.แบบไม่ถูกต้อง ก็จะยึดคืนเพื่อนำไปแตกให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน

ทั้งนี้ ต้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่นักการเมือง ก็ต้องคืนพื้นที่ที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน. ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีจำนวนมาก ทั้งนักการเมืองที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตภาคใต้นักการเมืองบางรายที่ถือครองพื้นที่ในเขตจังหวัดชลบุรี และนักการเมืองพรรคภูมิใจไทย ที่ถือครองที่ดินในแถบจังหวัดนครราชสีมา.

“ผมพยายามจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้แล้วเสร็จในช่วงที่ผมได้ดูแล เพราะยังมีเกษตรกรจำนวนมากที่ไม่มีที่ทำกิน การเรียกคืนพื้นที่ดีงกล่าวยังช่วยแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วย ส่วนพื้นที่ของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 1,200ไร่ที่ศาลพิพากษาแล้วเสร็จนั้นได้คืนให้ ส.ป.ก. หมดแล้ว”

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การจัดการพื้นที่ ส.ป.ก.จะใช้กฎหมายนำ ไม่สามารถละเว้นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ เช่นพื้นที่ของวัดหลวงตามหาบัว จ. อุดรธานี ที่ระบุว่ามีทั้งสิ้น1,000 ไร่ นั้น การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าส.ป.ก อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพียง 300ไร่เท่านั้น ที่เหลือรอบๆ วัด 700 ไร่ต้องเรียกคืนทั้งหมด

สำหรับพื้นที่ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตรวจพบว่ามีพื้นทีที่ถือครองที่เป็นฟาร์มไก่ เหลือจำนวน 900 ไร่ ใน 900 กว่าไร่แบ่งเป็นจำนวน3 แปลง 2 แปลงเป็นที่ ส.ป.ก. อีก แปลงกลาง 1 แปลงมีโฉนด

ซึ่งหากมีความขัดเจนเรื่องข้อมูลการถือครอง หรือ ระบุว่าเป็นที่ ส.ป.ก.ต้องยึดคืนทั้งหมด เพื่อนำไปแจกให้เกษตรกรรายย่อย “ที่ 3 แปลงของปารีณา ที่สุดน่าจะยึดคืน เกือบทั้งหมด เพราะ เกษตรกร สามารถถือครองส.ป.ก.ได้เพียง 50 ไร่ รายละเอียดทุกแปลงต้องดูว่าใครถือครอง”