ไลฟ์สไตล์

แสงทองแห่งชีวิต - พระมหาสมปอง

THINK TODAY
เผยแพร่ 22 ก.ย 2561 เวลา 01.02 น. • พระมหาสมปอง

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน 

มาอีกแล้ว ธรรมะคลายร้อนมาอีกแล้ว โยมทั้งหลาย ร้อนอะไรก็ร้อนได้ แต่อย่าร้อนใจ เหนื่อยอะไรก็เหนื่อยได้ แต่อย่าเหนื่อยใจ ท้ออะไรก็ท้อได้ แต่อย่าท้อใจ  เพลียอะไรก็เพลียได้ แต่อย่าเพลียใจ หายอะไรก็หายได้ แต่อย่าหายใจ แน่ะ ไม่หายใจก็ตายนะสิโยม หายใจไว้นะโยมถ้าไม่อยากตาย     

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อพูดถึงความตาย คนส่วนมากจะกลัวความตาย และบอกว่าอย่าพูดถึงความตายมันไม่เป็นมงคล แต่เชื่อไหมว่า คนเราที่บอกว่าความตายไม่เป็นมงคลแต่ชอบบ่นหาความตาย เช่น วันนี้เหนื่อยจะตาย วันนี้น่าเบื่อจะตาย วันนี้เหงาจะตาย วันนี้ร้อนจะตาย วันนี้หนาวจะตาย ตอนนี้หิวจะตายอยู่แล้ว ตอนนี้อิ่มจะตายอยู่แล้ว

ช่วงนี้สบายจะตาย ดูสิโยม ขนาดสบายยังจะตายเลย ไหนว่ากลัวความตาย อย่าพูดถึงความตาย

พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้เราระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก สอนให้เราอย่าประมาทในการดำเนินชีวิต คนที่ประมาทคือคนที่ตายแล้ว คนที่ตายก็เหมือนท่อนไม้ท่อนฟืน หาประโยชน์ไม่ได้ ความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว ความตายเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ และเราสามารถที่จะกำหนดว่า ตายแล้วจะไปไหน ถ้าเราทำดีมาก ย่อมมีสุคติเป็นที่หวัง ถ้าเราทำชั่วมากย่อมมีทุคติเป็นที่หวังเช่นกัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อาตมาขอถามโยมว่า ความตายเป็นเรื่องยากหรือเรื่องง่าย โยมความตายหายนิดเดียว ถ้าไม่เชื่อทำตามอาตมา เดี๋ยวอาตมาจะพาตาย หายใจเข้าลึกๆ แล้วไม่ต้องหายใจออก แค่นี้ก็ตายแล้วโยม หายใจเข้า ไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก ไม่หายใจเข้าก็ตาย เราไม่ต้องไปฆ่าตัวตาย ไม่ต้องไม่ฆ่าคนอื่น เพราะอยู่ไม่นานก็ตายแล้ว หมั่นทำความดีให้มากๆ เพราะความดีนี่แหละ ที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

โยมทั้งหลาย ที่ว่าร้อนอะไรก็ร้อนได้ แต่อย่าร้อนใจ ร้อนแดดเราก็ต้องหลบเข้าร่ม เปิดพัดลม เปิดแอร์ แต่ร้อนใจ ถึงเราจะอยู่ในห้องแอร์ก็ร้อนเหมือนเดิม เพราะว่าใจมันร้อน สิ่งที่จะทำให้ใจเย็น ใจสงบคือธรรมะ

โยมทุกท่าน ท้ออะไรก็ท้อได้ แต่อย่าท้อใจ คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ ถ้าโยมเหนื่อย โยมท้อ ให้ท่องคาถานี่นะโยม อย่า ทำ นม หก ให้เขียนลงเป็นแนวตั้งว่า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

              อย่า…. ท้อเมื่อพลาดพลั้ง

              ทำ…. ความหวังขึ้นมาใหม่

              นม…. นานสักปานใด

              หก…. ล้มไปเพียงชั่วคราว

ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยพลาดพลั้ง ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยท้อ แต่อยู่ที่ว่า เมื่อเราท้อ เราเหนื่อย เรามีสติหรือเปล่า ถ้าสติไม่อยู่กับตัว แม้ความรู้ท่วมหัวก็เอาตัวไม่รอด

แต่ถ้าเรามีสติ ปัญญาก็จะตามมา เพราะสติมาปัญญาเกิด สติเตลิดก็เกิดปัญหา เราอย่ากลัวที่จะลุกขึ้นมาใหม่ แต่เวลาที่เราลุกขึ้นมาเราต้องมีอะไรติดมือขึ้นมาด้วย นั่นคือประสบการณ์ที่ทำให้เราล้ม ประสบการณ์ที่ทำให้เราพลาด     

สิ่งที่จะทำให้เราไม่กลัวเมื่อเราท้อ เราเหนื่อย เราเบื่อ คือปัญญา พุทธศาสนาสอนไว้ว่าแสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี โยมทุกท่าน สว่างตาด้วยแสงไฟ สว่างใจด้วยแสงธรรม    

ดังนั้น เราต้องเพิ่มปัญญาของตนเองอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่ทำให้เกิดปัญญาคือ

              1. ปัญญาที่เกิดจากการได้ฟัง ได้อ่าน ได้เรียนรู้เรื่องราวจากผู้อื่น เป็นการสร้างปัญญาชั้นแรกของมนุษย์  

              2. เป็นปัญญาที่เกิดจาการคิดวิเคราะห์สิ่งที่ได้เรียนรู้ มาพิจารณาดูว่ามีเหตุผลควรเชื่อถือได้หรือไม่ และสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์กับตนเอง หรือนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้หรือไม่

              3. ปัญญาที่เกิดจาการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นปัญญาที่แท้จริง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการฟังการอ่านและการคิดวิเคราะห์ ซึ่งจะเป็นไปในรูปแบบของการ รู้ - คิด – ทำ

สรุปสั้นๆ คือ ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้จักจิตเจริญพร

ความเห็น 19
  • ธรรมะไม่ได้จำกัดแค่บาลีหรือสันษกฤต ธรรมะที่ดีคือธรรมะที่เทศนาออกไปแล้วสาธุชนคนทั่วไปฟังแล้วเข้าใจได้ทันที นี่ถึงเรียกเผยแผ่ธรรม สาธุ นะขอรับ🙏
    23 ก.ย 2561 เวลา 09.15 น.
  • ❤️Sasithorn Soparat ❤️
    สาธุค่ะท่าน สนุกและได้พลังใจดีมากเลยค่ะ
    28 ก.ย 2561 เวลา 13.55 น.
  • สว่างตาด้วยแสงไฟ สว่างใจด้วยแสงธรรม คนที่มืดมนถึงขนาดคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะขาดแสงธรรมนั่นเอง
    24 ก.ย 2561 เวลา 13.36 น.
  • plepreeya
    กราบนมัสการพระอาจารย สาธุเจ้าค่ะ
    11 ต.ค. 2561 เวลา 06.54 น.
  • Mu
    ดีแต่พูดใครก็พูดได้..ใครต่างหากที่ทำได้..แมนบ่
    03 ต.ค. 2561 เวลา 06.13 น.
ดูทั้งหมด