ไอที ธุรกิจ

โควิดลามไม่หยุดต่างชาติเทขายหุ้นไทย-ตราสารหนี้2แสนล้าน

เดลินิวส์
อัพเดต 01 เม.ย. 2563 เวลา 09.55 น. • เผยแพร่ 01 เม.ย. 2563 เวลา 09.33 น. • Dailynews
 “เทิดศักดิ์”มองหุ้นไทยผันผวนโควิดยืดเยื้อกดหุ้นไทยลงต่ำกว่า 1,000 จุด เผย 3 เดือนที่ผ่านมาเม็ดเงินไหลออกตลาดทุน-ตราสารหนี้กว่า 2แสนล้าน หวังSSFพยุงดัชนี 4-5%

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย  บล. เอเซีย พลัส  หรือ ASPS เปิดเผยว่า  แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/ ปี 2563 ยังผันผวนสูงอย่างต่อเนื่อง  คาดว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับลงต่ำกว่าระดับ 1,000 จุด เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดที่ไม่รู้ว่าจะรุนแรงและยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน  เนื่องจากเป็นปัจจัยกดดันการส่งออก ท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศทำให้ปรับลดจีดีพีลงติดลบ 1.4%  จากเดิมที่คาดว่าโต 2.8%

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าจีดีพีติดลบ 5.8% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยติดหลุมที่ลึกกว่าที่ควรทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบ 579,000 ล้านบาท โดยมองว่าภาครัฐควรจะหาวิธีในการเติมช่องว่างของหลุมไม่ให้ลึกเกินไปด้วยการใช้นโนบายการคลังควบคู่กับนโยบายการเงิน และเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อาจปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25%

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 “การระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดัน และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยอาจทำให้จีดีพีโลกติดลบ เหมือนช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ในช่วงปี 51”

 ส่วนเม็ดเงินจากขายกองทุน SSF พิเศษ ที่จะเข้าสู่ตลาดไตรมาส 2 ประมาณ 26,000 ล้านบาท  ซึ่งน้อยกว่าเม็ดเงินจากกองทุน LTF เดิมประมาณเกือบ 50% เนื่องจากระยะเวลาการขายเพียง 3 เดือน และระยะเวลาการถือครองนานกว่าเดิม  คาดว่าจะหนุนดัชนีได้ 4-5% แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นก็จะกดดันยอดขาย SSF ให้ลดลงจากที่คาดการณ์ได้

สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายยังไหลออกต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เงินไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้กว่า 35,233 ล้านเหรียญสหรัฐ  หากเทียบปี 61 ที่ไหลออกไป 31,508 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นช่วงเกิดเทรดวอร์    ขณะที่ตลาดหุ้นไทยไหลออกกว่า  1.1 แสนล้านบาท และ ตลาดตราสารหนี้ 1 แสนล้านบาทเช่นกัน จึงทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 8%  คาดว่าเม.ย.นี้เม็ดเงินยังไม่ไหลเข้าหุ้นไทย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

นอกจากนี้ได้ปรับลดประมาณการกำไรบจ.ปีนี้ เหลือที่ 7.8 แสนล้านบาท ลดลง 2.19 แสนล้านบาท หรือลดลง 16.5% จากประมาณการเดิม ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้น (อีพีเอส) ปีนี้ อยู่ที่  72.62 บาทต่อหุ้น    สาเหตุหลักมาจากการกำไรในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลดลง

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • ..
    ตั้งแต่ควายฝูงนี้เข้ามาบริหารท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าอำมาตย์ นายทุนบางจำพวก และบรรดาคนดีทั้งหลาย ที่พากันยกย่องชื่นชมแบบไม่ลืมหูลืมตา สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ คนในชาติกว่า 80% พากันอดยาก
    02 เม.ย. 2563 เวลา 07.50 น.
  • |S.|K.|
    ทำไมสหรัฐหุ้นขึ้นเอาขึ้นเอาทั้งที่คนติดเชื้อเยอะมากก
    01 เม.ย. 2563 เวลา 21.27 น.
ดูทั้งหมด